วิธีแก้ไขปัญหาชาร์จ เปิดเครื่อง หรือหน้าจอค้างตอนบูส
อาจเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจอย่างมากเมื่อโทรศัพท์ของคุณไม่สามารถชาร์จไฟได้อย่างเหมาะสมหรือมีปัญหาในการเปิดเครื่อง บางครั้งหลังจากที่ติดตั้งอัพเดท ถ้าโทรศัพท์ของคุณรีสตาร์ทเครื่องครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่สามารถบูตเครื่องได้สำเร็จเสียที และติดค้างอยู่บนหน้าจอบูต แอพของบริษัทอื่นอาจทำให้โทรศัพท์ของคุณอยู่ดีๆ ก็รีบูตเอง หรือไม่ก็รีบูตซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ในกรณีเช่นนี้ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อแก้ไขปัญหา
ก่อนที่คุณจะลองทำตามคำแนะนำด้านล่างนี้ ให้ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ในอุปกรณ์ของคุณและแอพที่เกี่ยวข้องได้รับการอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว ในการอัพเดทซอฟต์แวร์อุปกรณ์มือถือของคุณ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:
ขั้นตอนที่ 1 ไปที่ การตั้งค่า > อัพเดทซอฟต์แวร์
ขั้นตอนที่ 2 แตะที่ ดาวน์โหลดและติดตั้ง
ขั้นตอนที่ 3 ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ
สิ่งที่ควรทำเมื่อโทรศัพท์ชาร์จไฟไม่เข้า
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในกรณีที่อุปกรณ์ชาร์จไฟไม่เข้าก็คือ:
- สายเชื่อมต่อ ที่ชาร์จไฟ ช่องเสียบ หรืออะแดปเตอร์ชำรุด
- มีฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรกในพอร์ตชาร์จ
- แอพของบริษัทอื่นทำให้การชาร์จไฟหยุดชะงัก
- ต้องอัพเดทซอฟต์แวร์
ขั้นตอนแรกคือ ตรวจสอบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับที่ชาร์จไฟหรือสายชาร์จหรือไม่
ขั้นตอนที่ 1 ใช้ที่ชาร์จไฟที่ให้มากับอุปกรณ์
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจดูว่าเสียหายหรือไม่
ขั้นตอนที่ 3 ลองใช้สายเชื่อมต่อเส้นใหม่
ขั้นตอนที่ 4 ลองเสียบปลั๊กที่จุดอื่น
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดสำหรับปัญหาในการชาร์จไฟก็คือ พอร์ตชาร์จถูกอุดตันด้วยสิ่งสกปรก ฝุ่นผง หรือเศษชิ้นส่วนบางอย่าง ฝุ่นละอองหรือเส้นใยอาจสะสมอยู่ภายในพอร์ตชาร์จ และทำให้สายชาร์จไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับหน้าสัมผัสการชาร์จภายในพอร์ตได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจทำให้โทรศัพท์ชาร์จไฟไม่เหมาะสมหรือชาร์จไฟไม่เข้าเลย
ขั้นตอนที่ 1 ปิดเครื่องอุปกรณ์ของคุณ
ขั้นตอนที่ 2 ใช้ไฟฉายส่องดูด้านในพอร์ตชาร์จ ถ้าคุณมองเห็นฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหน้าสัมผัสโลหะสำหรับการชาร์จ ก็จำเป็นต้องทำความสะอาดพอร์ตชาร์จ
ขั้นตอนที่ 3 ลองเป่าลมใส่พอร์ตชาร์จเบาๆ เพื่อขจัดฝุ่นผงและสิ่งสกปรก
ขั้นตอนที่ 4 ถ้าพอร์ตชาร์จยังคงอุดตัน ให้นำเอาอุปกรณ์ไปให้ช่างผู้ชำนาญทำความสะอาด
หมายเหตุ:
- อย่าสอดวัตถุใดๆ เข้าไปในพอร์ตชาร์จ เพราะอาจทำให้พอร์ตชาร์จได้รับความเสียหาย
อุปกรณ์ของคุณจะไม่ชาร์จไฟ ถ้าตรวจพบน้ำหรือความชื้นในพอร์ตชาร์จ นี่เป็นมาตรการความปลอดภัยเพื่อปกป้องอุปกรณ์ไม่ให้เสียหายและผุกร่อน ถ้าอุปกรณ์ตรวจพบว่ามีน้ำอยู่ข้างในพอร์ตชาร์จ ในบางครั้งก็จะแสดงไอคอนรูปหยดน้ำบนหน้าจอเหนือพอร์ตชาร์จ หรือบนแผงแจ้งเตือน ถ้าคุณเห็นไอคอนรูปหยดน้ำ คุณจะต้องปิดเครื่องอุปกรณ์จนกว่าจะแห้งสนิท
ความชื้นส่วนใหญ่จะระเหยไปเองภายในเวลาสองสามชั่วโมง แต่คุณอาจลองเป่าลมเบาๆ ใส่พอร์ต หรือนำไปตากลมที่แห้งและเย็น ถ้าไอคอนรูปหยดน้ำยังคงปรากฏอยู่ แต่คุณแน่ใจว่าพอร์ตชาร์จแห้งสนิท ให้ลองปิดและเปิดเครื่องอีกครั้ง
ถ้าไอคอนรูปหยดน้ำยังคงอยู่หลังจากนี้ ให้ล้างแคชสำหรับ USB:
ขั้นตอนที่ 1 ไปที่ การตั้งค่า > แตะที่ แอพ
ขั้นตอนที่ 2 แตะที่ไอคอน ตัวเลือกเพิ่มเติม (สามจุดแนวตั้ง) > แตะที่ แสดงแอพระบบ
ขั้นตอนที่ 3 เลื่อนลง แล้วแตะที่ การตั้งค่า USB
ขั้นตอนที่ 4 แตะที่ ที่เก็บข้อมูล > แตะที่ ล้างข้อมูล และ ล้างแคช
ในการตรวจสอบว่าเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์หรือไม่ ให้ลองบูตอุปกรณ์ของคุณขณะที่ยังคงชาร์จไฟอยู่
ขั้นตอนที่ 1 ปิดอุปกรณ์ และรอ 10 วินาที
ขั้นตอนที่ 2 เสียบปลั๊กที่ชาร์จไฟที่ให้มากับอุปกรณ์
คุณสามารถดำเนินการซอฟต์รีบูตโดยใช้ปุ่ม ถ้าอุปกรณ์ของคุณไม่มีปุ่ม Home หรือปุ่มเปิด/ปิดเครื่องแยกต่างหาก เช่น Note10, Fold, Z Flip หรือสูงกว่า ให้กดปุ่มเพิ่มเสียงและปุ่มด้านข้างพร้อมกัน เมื่ออุปกรณ์สั่น และโลโก้ Samsung ปรากฏขึ้น ให้ปล่อยปุ่มเพื่อรีบูตอุปกรณ์
สิ่งที่ควรทำเมื่อโทรศัพท์เปิดเครื่องไม่ได้
ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ ถ้าโทรศัพท์ของคุณเปิดเครื่องไม่ได้หรือบูตไม่ขึ้น:
ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบว่าโทรศัพท์มีไฟในแบตเตอรี่เพียงพอ
ถ้าแบตเตอรี่หมด อุปกรณ์จะไม่สามารถเปิดเครื่องได้ ให้ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มโดยใช้ที่ชาร์จไฟที่ให้มาพร้อมกับอุปกรณ์ ก่อนที่จะเปิดเครื่อง
ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบว่าพอร์ตชาร์จของโทรศัพท์ไม่ได้รับความเสียหาย
ตรวจสอบโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความร้อนสูงเกิน บวม หรือเสียหาย นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบพอร์ตชาร์จของโทรศัพท์ และเอาฝุ่นผงหรือสิ่งสกปรกออกไป
ขั้นตอนที่ 3 ตรวจสอบว่าคุณใช้ที่ชาร์จไฟที่ให้มากับอุปกรณ์ หรือที่ชาร์จไฟที่เข้ากันได้
โทรศัพท์ของคุณอาจได้รับความเสียหาย ถ้าคุณใช้ที่ชาร์จไฟที่ไม่ได้มีแรงดันไฟฟ้า แอมแปร์ และชนิดปลั๊กตรงกับที่ชาร์จไฟที่มาพร้อมกับอุปกรณ์
วิธีแก้ไขปัญหาเมื่อโทรศัพท์บูตเครื่องซ้ำๆ
คุณสามารถทำการอัพเดทซอฟต์แวร์ รีเซ็ทค่าจากโรงงาน หรือเปิดโหมดปลอดภัยเพื่อตรวจสอบว่าแอพเป็นสาเหตุของปัญหาหรือไม่
ทางเลือกที่ 1 ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์อัพเดทด้วยตนเอง
ไปที่ การตั้งค่า > แตะที่ อัพเดทซอฟต์แวร์ > แตะที่ ตรวจหาอัพเดท
ทางเลือกที่ 2 ใช้ฟีเจอร์โหมดปลอดภัย เพื่อระบุแอพที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหา
คุณสามารถปิดและเปิดโทรศัพท์ กดปุ่มลดเสียงค้างไว้เพื่อเข้าสู่โหมดปลอดภัย
ทางเลือกที่ 3 คุณสามารถรีเซ็ทค่าจากโรงงานในกรณีที่เครื่องติดค้างอยู่บนหน้าจอบูตอย่างผิดปกติ
ขั้นตอนที่ 1 บูตเข้าสู่ Android Recovery
- ถ้าอุปกรณ์มีปุ่ม Bixby แยกต่างหาก: กดปุ่ม Bixby, ปุ่มเพิ่มเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่องพร้อมกัน
- ถ้าอุปกรณ์ไม่มีปุ่ม Home หรือปุ่มเปิด/ปิดเครื่องแยกต่างหาก: กดปุ่มเพิ่มเสียงและปุ่มด้านข้างพร้อมกัน
ขั้นตอนที่ 2 ใช้ปุ่มเพิ่มเสียงและปุ่มลดเสียง เพื่อเลือก ลบข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด หรือ ลบข้อมูล/รีเซ็ทค่าจากโรงงาน แล้วกดปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
ขั้นตอนที่ 3 ใช้ปุ่มเพิ่มเสียงและปุ่มลดเสียง เพื่อยืนยันการเลือกของคุณ แล้วกดปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง
ขั้นตอนที่ 4 เมื่อกระบวนการรีเซ็ทค่าจากโรงงานเสร็จสมบูรณ์ ให้กดปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง เพื่อเลือก รีบูตอุปกรณ์
ขั้นตอนที่ 5 เมื่ออุปกรณ์รีบูต ให้ป้อนรายละเอียดบัญชีของคุณเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณ
ถ้าขั้นตอนเหล่านี้ไม่สามารถใช้การได้ และโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณยังคงประสบปัญหา ให้ติดต่อศูนย์บริการเพื่อขอรับบริการ
หมายเหตุ:
- การรีเซ็ทค่าจากโรงงานจะลบข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด จะต้องใช้รายละเอียดบัญชี Google ที่ซิงค์ก่อนหน้านี้เพื่อปลดล็อคโทรศัพท์หรือแท็บเล็ต
- การรีเซ็ทค่าจากโรงงานสำหรับฮาร์ดแวร์จะลบข้อมูลทั้งหมดบนโทรศัพท์ ข้อมูลใดก็ตามที่ไม่ได้สำรองไว้บนระบบออนไลน์หรือการ์ด SD จะสูญหายอย่างถาวร
หมายเหตุ: ภาพหน้าจออุปกรณ์และเมนูอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการไร้สาย รุ่นของอุปกรณ์ และเวอร์ชั่นซอฟต์แวร์
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ
โปรดตอบคำถามทุกข้อ