การปฏิรูปด้านดิจิทัลนั้นช่วยเสริมพลังให้แก่พนักงานในหน้างานได้อย่างไร
ไปดูกันว่าการแปลงโฉมไปเป็นดิจิทัลและเทคโนโลยีอุปกรณ์เคลื่อนที่จะสามารถเพิ่มความสามารถด้านการทำงานและประสิทธิภาพให้แก่พนักงานที่หน้างานได้อย่างไร
2022-08-23การปฏิรูปด้านดิจิทัลนั้นช่วยเสริมพลังให้แก่พนักงานในหน้างานได้อย่างไร
เทคโนโลยีดิจิทัลได้พลิกโฉมหน้างานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การพัฒนาความสามารถของผู้ปฏิบัติงานไปจนถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในกระบวนการทำงาน ดังนั้น การหันไปใช้เครื่องมือสื่อสารระดับองค์กรนั้นจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่หน้างานอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงภาพของอุตสาหกรรมที่ ‘ต้องทำทุกอย่างเอง’ ที่ซึ่งการไม่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ความสามารถในการสตรีมการฝึกอบรมพนักงาน, การแปลงห่วงโซ่อุปทานให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล และการขจัดการเชื่อมต่อแบบใช้สายออกไปนั้นทำให้บริษัทต่าง ๆ ได้เห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้กับพนักงานของตนเองเป็นอย่างยิ่ง งานวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้นมีความสามารถในการทำงานและ ROI ที่เพิ่มขึ้นได้ ด้วยการเสริมพลังให้กับพนักงานของตนเองด้วยการหันมาใช้อุปกรณ์และบริการแบบดิจิทัล
การรับเอาการปฏิรูปด้านดิจิทัลมาใช้จะช่วยรับประกันได้ว่าหน้างานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ จะสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งช่วยให้องค์กรปรับตัวและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในโมเดลธุรกิจของตนเองได้ ทำให้องค์กรเหล่านั้นไม่ตกเทรนด์และสามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล
ความเร็วของ 5G คือสิ่งที่พลิกวงการความปลอดภัยสาธารณะ
ความปลอดภัยสาธารณะนั้นคืออีกส่วนหนึ่งที่ซึ่งเทคโนโลยีและเครื่องมือการสื่อสารระดับองค์กรที่ดีนั้นจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนา ผู้ตอบสนองต่อเหตุการณ์คนแรก ๆ จำเป็นต้องมีการสื่อสารที่วางใจได้เพื่อให้สามารถประสานงานและรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที
การมาถึงของ 5G ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายรุ่นที่ห้านั้นได้นำความเร็วและความน่าเชื่อถือที่มากกว่าเดิมมาสู่เครือข่ายและอุปกรณ์ไร้สาย สำหรับผู้ตอบสนองต่อเหตุการณ์คนแรก ๆ แล้ว การส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วสุด ๆ จะทำให้เวลาในการตอบสนองนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น อันทำให้หน่วยงานรับมือเหตุด่วนเหตุร้ายอย่างตำรวจและพนักงานดับเพลิงสามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ พนักงานผู้รับมือกับเหตุฉุกเฉินจะยังได้พบกับแหล่งข้อมูลใหม่ ๆ อย่างฟีดวิดีโอแบบสดที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการรวบรวมข้อมูล ด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่มากกว่าเดิม ผู้ตอบสนองต่อเหตุการณ์คนแรก ๆ จะสามารถประเมินสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้อย่างดีที่สุดว่าจะตอบสนองและให้ความช่วยเหลือต่อสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างไร ซึ่งทำให้ประหยัดเวลา, งบประมาณ และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือช่วยปกป้องชีวิตได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ความเร็วและการส่งข้อมูลอันน่าทึ่งของ 5G นั้นไม่ใช่ข้อดีเพียงอย่างเดียว นอกเหนือไปจากความเร็วแล้ว 5G กำลังเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อของสถานที่ทำงานอย่างเห็นได้ชัดผ่านยุคใหม่แห่งการเชื่อมต่อที่วางใจได้ ความสามารถในการรองรับได้กับอุปกรณ์ดิจิทัลหลายแบบในเครือข่ายจะช่วยให้พนักงานที่อยู่หน้างานสามารถแชร์, เก็บบันทึก และร่วมงานกับทีมของตนเองผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
เสริมพลังให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านคมนาคมและการขนส่งได้ด้วยเครื่องมือการสื่อสารระดับองค์กรที่ใช่
พนักงานที่อยู่หน้างานมักต้องทำงานครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้จำนวนบุคลากรนั้นดูแลและตอบรับความจำเป็นขององค์กรในแต่ละภาคส่วน อุตสาหกรรมคมนาคมกับการขนส่งนั้นคือตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้ เนื่องจากพนักงานจะพบได้ว่าตนเองสามารถปฏิบัติงานนอกโกดังสินค้า, ท่าเรือ หรือออกไปจัดส่งสินค้าได้ก็ต่อเมื่อมีการสื่อสารที่ดีอยู่เสมอ
ด้วยการหันมาใช้เครื่องมือการสื่อสารระดับองค์กรอันซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้น องค์กรที่ปฏิบัติงานที่อยู่หน้างานจะสามารถอุ่นใจได้เสมอ ไม่ว่าพนักงานขององค์กรเหล่านั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยทีมงานจะยังคงเชื่อมต่อกับสิ่งต่าง ๆ อยู่ได้เพื่อการดำเนินงานของธุรกิจได้อย่างไร้การสะดุด
ลองมาดูตัวอย่างของการบริหารจัดการการจัดส่งกัน การเชื่อมต่อแบบดิจิทัลจะทำให้แผนกมอบหมายงานสามารถติดตามการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ และยังสามารถช่วยเหลือคนขับรถด้วยการเลือกเส้นทางให้เหมาะสม ซึ่งทำให้การจัดส่งเปลี่ยนแปลงเส้นทางได้โดยอิงตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่และอันตรายต่าง ๆ
การทำให้การจัดส่งพัสดุและสินค้าอื่น ๆ เรียบง่ายขึ้นนั้นจะทำให้ทั้งธุรกิจและลูกค้าสัมผัสได้ถึงการขนส่งที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม ด้วยความสามารถที่จะเปลี่ยนเส้นทางได้ขณะเดินทางออกไปจัดส่ง องค์กรจะไม่ได้แค่สร้างเส้นทางการจัดส่งที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางที่ชาญฉลาดซึ่งสามารถรับมือกับความตึงเครียดของโลกยุคใหม่ได้ดีกว่าเดิม
ศักยภาพของอุตสาหกรรม 4.0 สำหรับการผลิต
อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT), Augmented Reality (AR) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือตัวอย่างของเทคโนโลยีที่ได้รับการกล่าวถึงที่สุด แม้ว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีมาสักระยะแล้ว แต่บริษัทต่าง ๆ ก็ยังจะเพิ่งได้รับรู้ถึงศักยภาพอันเหลือล้นของเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ รวมถึงวิธีการที่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะสามารถเข้ากับดิจิทัลอีโคซิสเต็มที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้
เมื่อพูดถึงคำว่าอุตสาหกรรมแบบ 4.0 ซึ่งหมายถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่สี่ การใช้เทคโนโลยีเกิดใหม่ต่าง ๆ ในโรงงานและสถานที่ผลิตนั้นจะช่วยเปลี่ยนแปลงหน้างานของธุรกิจได้อย่างยิ่ง อาทิ การผลิตหรือการบริหารการดำเนินงานของธุรกิจ ด้วยการใช้ร่วมกับความอเนกประสงค์ของ 5G เทคโนโลยีเกิดใหม่จะสามารถมอบโซลูชันที่วางใจได้เพื่อสนับสนุนการสื่อสารที่จำเป็นสำหรับการใช้งานต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมแบบ 4.0 หลายอย่าง อาทิ การควบคุมแบบไร้สายสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่, เครื่องจักรอัตโนมัติ และหุ่นยนต์
ขณะที่โรงงานมีความเป็น ‘อัจฉริยะ’ มากยิ่งขึ้น การใช้งานต่าง ๆ อย่าง AR จะกลายเป็นสิ่งที่ทำกันทั่วไป AR ที่แตกต่างจากความจริงเสมือนซึ่งมักจะได้เห็นในเกมหรือสภาพแวดล้อมเสมือนอื่น ๆ นั้นจะช่วยให้พนักงานมองเห็นภาพซ้อนทับดิจิทัลได้ด้วยการใช้กล้องของอุปกรณ์เคลื่อนที่ ภาพซ้อนทับที่ว่านี้สามารถแสดงคำแนะนำสำหรับวิธีการประกอบ ถอดประกอบ หรือซ่อมแซมสิ่งของต่าง ๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อทำการซ่อมบำรุง ที่วิศวกรต้องทำก็คือแค่เล็งกล้องไปยังบริเวณที่ต้องการเพื่อดูแผนผังภายในด้วยภาพซ้อนทับ ที่จะช่วยให้วิศวกรระบุถึงความผิดปกติได้
AR มีประโยชน์มากมายต่อภาคการผลิต ตั้งแต่การที่สามารถระบุถึงปัญหาต่าง ๆ ได้ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ไปจนถึงการทำให้ขั้นตอนการผลิตนั้นเรียบง่ายขึ้น การทำให้อุตสาหกรรมกลายเป็นดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิต และมอบเครื่องมือที่จำเป็นต่อความสำเร็จให้แก่พนักงานได้
อุปกรณ์ที่ใช่ที่จะช่วยเสริมแรงให้แก่พนักงานที่อยู่หน้างาน
หากปราศจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เหมาะสมแล้ว พนักงานที่อยู่หน้างานจะเสียเปรียบขณะที่บริษัทมุ่งหน้าไปสู่การปฏิรูปด้านดิจิทัล อุปกรณ์รุ่นเก่าจะไม่สามารถใช้ร่วมกับแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีเกิดใหม่ได้ ทำให้พนักงานและอุตสาหกรรมไม่สามารถก้าวทันโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดได้
ยิ่งไปกว่านั้น อุปกรณ์ดิจิทัลมากมายที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ไม่สามารถทนทานต่อความทรหดที่พนักงานที่อยู่หน้างานต้องเผชิญในทุกวันได้ โชคยังดีที่ยังมีโซลูชันอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ได้
อุปกรณ์ที่ทรหดอย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั้นเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สร้างขึ้นมาให้รับมือกับสภาพแวดล้อมสุดขั้วที่หน้างานหรือในโรงงานได้ อุปกรณ์เหล่านั้นประกอบไปด้วยคุณลักษณะต่าง ๆ อย่างการกันน้ำ ฝุ่น¹ และแรงกระแทก,² สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ และความไวต่อการสัมผัสที่ดีกว่าเดิม³ ซึ่งช่วยให้พนักงานที่มือสกปรกหรือสวมถุงมืออยู่สามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างง่ายดาย
อุปกรณ์ทรหดรุ่นใหม่กว่าอย่าง Galaxy XCover6 Pro รองรับกับ 5G⁴ ซึ่งช่วยให้พนักงานในหน้างานสามารถเข้าถึงการใช้งานต่าง ๆ อย่าง AR ได้ ด้วยการใช้เครื่องมืออย่าง AR อุปกรณ์จะทำให้การบริหารจัดการสินค้าคงคลังง่ายขึ้นได้ด้วยการให้ผู้ใช้สามารถสแกนบาร์โค้ดหลาย ๆ อันได้พร้อมกับการใช้ Knox Capture⁵ อีกแง่มุมหนึ่งของความคล่องตัวแบบไร้สายนั้นช่วยให้พนักงานสามารถเชื่อมต่อ Galaxy XCover6 Pro ของตนเองเข้ากับหน้าจอแสดงผลภายนอกได้ผ่าน Samsung DeX ที่ช่วยให้ได้ประสบการณ์การทำงานแบบ PC ได้ในทุกที่⁶
โซลูชัน Samsung Knox สำหรับหน้างานขององค์กร
เพื่อช่วยเสริมการหันมาใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เพิ่มมากขึ้นนั้น Samsung ได้นำเสนอ Galaxy Enterprise Edition ให้กับทางธุรกิจต่าง ๆ เพื่อให้ความอุ่นใจในเรื่องของการบริหารจัดการและความปลอดภัยของอุปกรณ์
ด้วย Enterprise Edition ธุรกิจต่าง ๆ จะได้รับอัปเดตแพตช์ด้านความปลอดภัยตามระยะเวลาได้ยาวนานถึงห้าปี⁷ และรับประกันอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ให้ถึงสองปี ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและใช้โซลูชันที่เหมาะสมได้
ยิ่งไปกว่านั้น Enterprise Edition ยังมาพร้อมกับ Knox Suite แบบ 1 ปี ซึ่งเป็นชุดโซลูชัน Enterprise Mobility Management (EMM) ที่ตอบโจทย์หน้างานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วย Knox Suite ธุรกิจจะสามารถเสริมพลังให้กับผู้บริหารจัดการด้านไอทีได้ด้วย Knox Manage ซึ่งเป็นโซลูชันการบริหารจัดการอุปกรณ์แบบคลาวด์ที่สามารถกำหนดค่าและแก้ปัญหาให้กับอุปกรณ์ของพนักงานได้จากระยะไกล อีกหนึ่งในโซลูชันมากมายที่มีใน Knox Suite ก็คือ Knox E-FOTA โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทสามารถตรวจสอบได้ว่าการอัปเดตสำหรับระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ นั้นจะรองรับกับแอปพลิเคชันของบริษัท ก่อนที่จะนำไปให้พนักงานได้ใช้งาน และเหนือสิ่งอื่นใด อุปกรณ์ Samsung ทุกเครื่องนั้นมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยของ Knox ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์เพื่อช่วยปกป้องอุปกรณ์จากภัยด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ได้
ด้วย Samsung Knox ที่หน้างานของธุรกิจและพนักงานจะมั่นใจได้ว่าข้อมูลของตนเองนั้นจะปลอดภัย และจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่พวกเขาต้องการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถบริหารจัดการและใช้อุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น
หันไปใช้ Digital Ecosystem
การปฏิรูปด้านดิจิทัลในหน้างานของอุตสาหกรรมจะช่วยก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานด้านเศรษฐกิจในวงกว้างขึ้น ด้วยอุปกรณ์อันทรหดที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะอย่าง Galaxy XCover6 Pro ที่ถูกใช้งานในทุกภาคส่วน ตั้งแต่ความปลอดภัยสาธารณะ การคมนาคม และการขนส่งในอุตสาหกรรมการผลิต พนักงานในหน้างานจะมีเครื่องมือที่พวกเขาต้องการเพื่อช่วยให้บริษัทของพวกเขาได้รับรู้ถึงศักยภาพเต็มที่ของดิจิทัลอีโคซิสเต็มแบบใหม่
ไปดูเพิ่มเติมว่า Samsung ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล่าสุดอย่างไรเพื่อช่วยเหลือหน้างานและพนักงานของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการเดินหน้าไปสู่การปฏิรูปด้านดิจิทัล คลิกที่นี่ได้เลย ที่นี่.
- ¹มาตรฐาน IP68: กันน้ำจืดได้ลึกถึง 1.5 เมตรเป็นเวลาสูงสุด 30 นาที พร้อมทั้งกันฝุ่น ดิน และทราย
- ²MIL-STD-810H คือมาตรฐานการทดสอบที่ออกแบบโดยกองทัพสหรัฐฯ เพื่อประเมินขีดจำกัดต่าง ๆ ของอุปกรณ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการทดสอบนั้นรวมไปถึงการปล่อยโทรศัพท์จากที่สูง 1.5 เมตรให้ตกลงบนพื้นผิวเหล็กกล้า
- ³สามารถตอบสนองต่อการสัมผัสเมื่อใช้ถุงมือหนังที่บางกว่า 2 มม. อิงตามผลลัพธ์ของการทดสอบของห้องปฏิบัติการภายใน ความไวต่อการสัมผัสอาจแตกต่างกันไปตามวัสดุและความหนาของถุงมือ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมด้านอากาศอื่น ๆ
- ⁴จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อ 5G ที่เหมาะสม และความเร็วที่มีให้ใช้งานจริงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด, ผู้จัดจำหน่ายแต่ละราย และสภาพแวดล้อมของผู้ใช้งาน จำเป็นต้องใช้เราเตอร์เครือข่ายไร้สายแบบ Wi-Fi 6E และมีจำหน่ายแยกต่างหาก
- ⁵Knox Capture เป็นโซลูชันแบบชำระเงินและจำหน่ายแยกต่างหาก
- ⁶แอปบางตัวอาจใช้งานไม่ได้หรือต้องซื้อลิขสิทธิ์ต่างหากเพื่อใช้งานกับ Samsung DeX
- ⁷ความถี่ของการอัปเดต (รายเดือน, รายไตรมาส) อาจแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น