นิยามใหม่ของประสิทธิภาพในการทำงานทั้งที่บ้านและออฟฟิศ
ในโลกไฮบริด จอภาพมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างประสบการณ์การมีส่วนร่วมระหว่างคนที่ทำงานด้วยกัน
2022-11-01ทุกวันนี้ เรื่องของการทำงานแบบไฮบริดไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอีกต่อไป สำหรับฝั่งองค์กรแล้ว มันไม่ใช่การตั้งคำถามว่า ควรปรับเปลี่ยนมาใช้การทำงานแบบไฮบริดหรือไม่ แต่เป็นการตั้งโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้การทำงานแบบไฮบริดถูกนำไปใช้ในวงกว้างยิ่งขึ้นในสถานการณ์ที่เป็นไปได้
นอกจากนี้ ผู้บริหารในองค์กรจำนวนมากเริ่มเข้าใจแล้วว่าโลกของไฮบริดที่รวมเอาเรื่องงานและเรื่องเล่น หรือเรื่องส่วนตัวเข้าด้วยกันกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง และไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป
นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่องค์กรต่างๆ ต้องทำความเข้าใจว่า การสร้างสิ่งแวดล้อมแบบไฮบริดไม่ใช่แค่การให้แล็ปท็อปกับพนักงานเพื่อพกติดตัวและทำงานได้ทุกที่เท่านั้น แต่ยังมีความหมายที่กว้างกว่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานอาจจะจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลดิจิทัลที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงจากเครือข่ายของบริษัท เช่นเดียวกับประสิทธิภาพในการทำงานกับเพื่อนร่วมงาน ถึงแม้ว่าทั้งสองเรื่องดูจะเป็นกิจกรรมที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ในการใช้งานจำเป็นจะต้องเท่าเทียมและทั่วถึงกัน ไม่ว่าจะทำงานจากที่อื่นหรือเข้าออฟฟิศก็ตาม
และนี่คือจุดที่ทำให้ความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้น เพราะจากงานด่วนที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้บริษัทต้องจัดการกับเรื่องเหล่านี้ในช่วงที่มีโรคระบาด ได้เปลี่ยนมาเป็นการอัพเดทเข้าสู่โหมดการทำงานแบบไฮบริดอย่างเต็มศักยภาพ
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญก็คือโซลูชั่นการแสดงผล ในโลกไฮบริดปัจจุบันนี้ การแสดงผลคือสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือนจริงและโลกจริง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรที่มองหาการทำงานแบบสร้างความเข้าถึงและประสบการณ์ร่วมกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับพิกัดของแต่ละคน ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือที่ออฟฟิศ การแสดงผลเหล่านี้จะต้องมีส่วนช่วยส่งต่อประสบการณ์ที่ทำให้พนักงานสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ในโลกไฮบริด
ออฟฟิศ: พื้นที่แห่งการคิดใหม่ ทำใหม่
วัตถุประสงค์ของออฟฟิศได้เปลี่ยนแปลงไปหลังจากยุค New Normal เข้ามาแทนที่ ออฟฟิศกลายเป็น “ที่หมาย” ของพนักงานที่ต้องการพักจากการทำงานทางไกลผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพื่อที่จะเรียนรู้และแบ่งปันไอเดียกับเพื่อนร่วมงานแบบที่ได้เจอตัวกัน
ผู้บริหารและผู้นำองค์กรซึ่งมองหาการออกแบบที่ทำงานใหม่จำเป็นจะต้องคิดถึงความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยีในการแสดงผลจะช่วยให้เกิดขึ้นได้
ป้ายดิจิทัลสามารถให้ข้อมูล แนะนำ และให้กำลังใจพนักงาน เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ต้อนรับผู้มาเยือนบริษัทในจุดต่างๆ ของออฟฟิศ อย่างเช่นที่ล็อบบี้ ป้ายเหล่านี้สามารถทำให้แขกที่มาเยือนออฟฟิศยิ้มได้ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือในการบอกให้รู้ว่าผู้มาเยือนสามารถเข้าส่วนไหนได้หรือไม่ได้
ตัวแทนของนวัตกรรมจอภาพในอนาคตที่ดีก็คือ เทคโนโลยี Micro LED โดย Samsung นำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับ The Wall ซึ่งสามารถใช้เป็นผนังของล็อบบี้ที่สามารถแสดงภาพที่บ่งบอกถึงตัวตนของบริษัท ความโดดเด่นของ The Wall สามารถสะกดสายตาผู้ที่มาเยือนครั้งแรก และยังสร้างความประทับใจให้กับคนเก่ง คนมีความสามารถที่จะมาสมัครงานกับบริษัทได้อีกด้วย
จินตนาการถึงอีกขั้นของการสร้างประสบการณ์ร่วมให้กับลูกค้าผ่านการใช้ The Wall
พื้นที่ที่ใช้ในการประชุม ซึ่งเป็นที่สำหรับระดมไอเดียและความคิดใหม่ๆ มักเกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เป็นอีกจุดที่เทคโนโลยีการแสดงผลสามารถสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงได้เช่นกัน ณ จุดนี้ The Wall สามารถใช้ในห้องประชุม เพื่อนำไปสร้างประสบการณ์สำหรับทุกคนที่อยู่ในที่ประชุม
The Wall สามารถนำเสนอภาพที่ให้รายละเอียดสูงสุดสำหรับห้องประชุมที่ต้องการให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม
ฟีเจอร์อินเตอร์แอ็กทีฟไวท์บอร์ดของ Flip Pro จาก Samsung เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของโซลูชั่นจอภาพที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันในโลกไฮบริด โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับ USB Type-C อินเตอร์แอ็กทีฟไวท์บอร์ดให้ประสบการณ์ที่สัมผัสได้ของการใช้ปากกาและกระดาษ โดยใช้ได้พร้อมกันมากถึง 4 คน เรียกได้ว่า Flip Pro ยกระดับความร่วมมือแบบทีมเวิร์กขึ้นไปอีกขั้น ในขณะเดียวกัน คนอื่นๆ ที่อยู่ตามที่ต่างๆ ก็สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและจดรายละเอียดได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มการมีส่วนร่วมในการประชุมได้อย่างทั่วถึง
ไวท์บอร์ดแบบอินเตอร์แอ็กทีฟของ Flip Pro ถูกออกแบบขึ้นเพื่อยกระดับการมีส่วนร่วมทั้งในห้องเรียนและห้องประชุม
บ้าน: ทำบ้านให้พร้อมสำหรับการทำงานแบบไฮบริด
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วเรามักจะพูดถึงการปรับเปลี่ยนออฟฟิศให้เข้ากับการทำงานแบบไฮบริด แต่ที่จริงแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันสำหรับคนทำงานก็คือ การทำสภาพแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสมกับการทำงานประเภทนี้เช่นกัน หรือแม้แต่นักเรียน นักศึกษาเองก็ยังต้องการทำงานที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพได้
จอมอนิเตอร์จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในโลกไฮบริด มอนิเตอร์จะต้องทำงานได้มากกว่าแค่การเพิ่มพื้นที่ทำงานให้มากขึ้นเท่านั้น
Smart Monitor M8 จาก Samsung เป็นตัวอย่างของมอนิเตอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องงานและเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ได้อย่างสะดวกสบายภายในบ้าน ด้วยความหนาเพียง 11.4 มม. ดีไซน์แบบบางและทันสมัยสามารถเข้ากับโต๊ะที่บ้านหรือมุมต่างๆ ของบ้านได้สบายๆ
กล้อง SlimFit ที่มาพร้อมกับจอมอนิเตอร์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิดีโอคอลได้อย่างง่ายดาย ตัวจอยังซัพพอร์ตการทำงานของMicrosoft 365[1], Samsung DeX และ Apple AirPlay 2 ดังนั้น การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือพีซี นอกจากนี้ จอเพียงจอเดียวยังสามารถแสดงผลการใช้งานที่อุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยพีซีหรือทีวี
Smart Monitor M8 จอมอนิเตอร์ที่จบครบทุกอย่างในจอเดียวให้คุณเปลี่ยนโหมดระหว่างเรื่องงานและความบันเทิงได้โดยไม่สะดุด
สำหรับคนที่ทำงานในสายครีเอทีฟ จอมอนิเตอร์ ViewFinity S8 น่าจะเป็นจอที่เหมาะกับการสร้างสรรค์คอนเทนต์รูปแบบต่างๆ งานกราฟิกดีไซน์ และงานสายครีเอทีฟแบบอื่นๆ หน้าจอ 4K ให้สีสันที่คมชัด ส่วน Video Electronics Standards Association (VESA) DisplayHDR™ 600[1] ก็ช่วยทำให้เพิ่มเรนจ์ในการแสดงผล ความแม่นยำ และความละเอียด
Viewfinity S8 ให้ความละเอียดและคมชัดสำหรับงานภาพที่ซับซ้อนและงานรีพอร์ตที่ต้องลงรายละเอียด
กระบวนการ Factory Calibration แบบมืออาชีพช่วยให้คุณมั่นใจว่าจะได้ภาพและสีที่คมชัดบนแผงควบคุม IPS ทำให้คุณวางใจได้เมื่อต้องรับมืองานออกแบบหรืองานภาพที่ซับซ้อน เพราะการให้สีและคอนทราสต์ที่เหมาะสมกับลักษณะงานของคุณ
และประโยคที่บอกว่า งานก่อน เล่นทีหลัง ก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เมื่อมี Odyssey Ark จอมอนิเตอร์สำหรับเล่นเกมขนาด 55 นิ้ว รุ่นแรกจาก Samsung เทคโนโลยีที่เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ของการแสดงผลแบบ 4K และอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 165 Hz ระยะเวลาตอบสนอง 1 ms ทั้งยังมี Cockpit Mode ที่ ช่วยสร้างประสบการณ์แบบเกมเธียเตอร์ สำหรับทั้งเกมเมอร์สายแข็งและเกมเมอร์สายชิล จอมอนิเตอร์นี้ยังมาพร้อมกับ Ark Dial คอนโทรลเลอร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นเกมสามารถเข้าสู่ฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว อย่าง Flex Move Screen, Multi View และ Quick Settings
ด้วย Odyssey Ark เรื่องงานและเรื่องเล่นที่บ้านไม่จำเป็นต้องถูกขีดเส้นแบ่งอย่างชัดเจนอีกต่อไป
ต่อให้สนุกแค่ไหนก็อย่าลืมนึกถึงเรื่องความปลอดภัยด้วยนะ เพราะเรื่องความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนที่ทำงานจากบ้าน ซึ่งต้องขอบคุณซอฟต์แวร์อย่าง Samsung Knox ที่ทำให้ปกป้องอุปกรณ์ส่วนใหญ่ของ Samsung ให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามออนไลน์ ซอฟต์แวร์ตัวนี้ช่วยให้เครื่องมือจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ขององค์กรสามารถลงความเสี่ยงในการเกิดไซเบอร์แอทแทคที่เกิดขึ้นได้จากการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน
มุ่งมั่นถึงความสำเร็จในอนาคต
เพื่อตอบโจทย์สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด องค์กรจะต้องคิดใหม่ มองใหม่เกี่ยวกับพื้นที่ในการทำงานที่ควรเป็น และเร่งพัฒนากลยุทธ์ที่จะทำให้ประสบการณ์การทำงานสำคัญและดึงดูดใจคนทำงาน เพื่อทำให้กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นและเป็นไปได้จริง องค์กรจะต้องนำข้อดีของเทคโนโลยีในจอภาพมาใช้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยสนับสนุนการทำงาน เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงศักยภาพอย่างเต็มกำลังของการทำงานแบบไฮบริดที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต
- 1 ความหลากหลายของแอปอาจขึ้นอยู่กับประเทศและการสมัครใช้บริการแอปมีค่าใช้จ่ายต่างหาก การใช้แอปต้องมีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ส่วน TV Tuner ไม่รวมอยู่ในนี้
- 2 VESA Display HDR 600 มีเวอร์ชัน 32-inch ส่วนรุ่น 27-inch รองรับการทำงานกับ VESA Display HDR 400VESA
- Disclaimer: รูปภาพทั้งหมดที่ใช้ในบทความนี้ใช้เพื่อเป็นตัวอย่างเท่านั้น