Samsung health monitor

Samsung Health Monitor

ตรวจดูได้อย่างสบาย ๆ จากทุกที่

ตรวจดูความดันโลหิตและ ECG ได้ทุกเมื่อ
และทุกแห่งด้วย Galaxy Watch

ค้นหา Galaxy Watch ที่คุณต้องการ

วัดความดันโลหิตของคุณได้ด้วย Galaxy Watch

รู้เรื่องความดันโลหิตได้แบบครบเครื่องด้วยแอป Blood Pressure ด้วยเซนเซอร์ Photoplethysmogram (PPG) ภายใน Galaxy Watch ของคุณ แอป Blood Pressure จะสามารถวัดความดันซิสโทลิกกับไดแอสโทลิกรวมไปถึงชีพจรได้ แอป Blood Pressure มีให้ใช้งานใน Galaxy Watch 3, Galaxy Watch Active 2 และในรุ่นที่ใหม่กว่า

ฉันจะวัดความดันโลหิต
ของฉันได้อย่างไร

วิธีใช้

1. การตั้งค่า Samsung Health Monitor



ก่อนที่จะใช้ Samsung Health Monitor

ก่อนที่คุณจะเริ่มวัดความดันโลหิตด้วย Samsung Health Monitor คุณต้องตั้งค่าโปรไฟล์และปรับเทียบ Galaxy Watch ของคุณเสียก่อน

1) ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Galaxy Watch ของคุณรองรับกับ Samsung Health Monitor

*นาฬิกาข้อมือที่รองรับ: Galaxy Watch3, Galaxy Watch Active2 และ Galaxy Watch กับ Active รุ่นใหม่กว่า (ไม่รวม Galaxy Fit)

2) ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Galaxy Watch ของคุณนั้นได้จับคู่กับสมาร์ทโฟน Galaxy ด้วย Bluetooth

3) เชื่อมต่อ Galaxy Watch ของคุณเข้ากับแอป Galaxy Wearable ในสมาร์ทโฟนเพื่ออัปเดตเป็นซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด

4) หากติดตั้ง Samsung Health Monitor ไว้ใน Galaxy Watch ของคุณอยู่แล้ว ให้เปิดแอปและทำตามคำแนะนำการติดตั้งในหน้าจอ

การตั้งค่าโปรไฟล์ของคุณ

1) เปิดแอป Samsung Health Monitor ในนาฬิกาข้อมือของคุณ และทำตามคำแนะนำเพื่อดาวน์โหลดแอป Samsung Health Monitor ในโทรศัพท์ของคุณ

2) เปิดใช้งาน Samsung Health Monitor ในโทรศัพท์ของคุณ อ่านและยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข นโยบายความเป็นส่วนตัว และตั้งค่าโปรไฟล์ของคุณ

3) ปรับเทียบนาฬิกาข้อมือของคุณตามคำแนะนำที่ปรากฏในแอป

  • Galaxy Store
  • Samsung
    Health Monitor

2. การปรับเทียบ Galaxy Watch ของคุณ



ข้อควรระวังก่อนการใช้งาน

กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อให้การปรับเทียบมีความแม่นยำยิ่งขึ้น:

1) งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และอย่าสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย หรืออาบน้ำ 30 นาทีก่อนที่จะทำการปรับเทียบ

2) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแขนและข้อมือของคุณนั้นแห้งและปราศจากเหงื่อที่ออกมากเกินหรือโลชั่นทาผิว

3) ให้ทำการปรับเทียบขณะอยู่ภายในอาคารและในสถานที่เงียบ

4) วางเก้าอี้ที่นั่งสบายไว้ข้าง ๆ โต๊ะ

5) นั่งบนเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนัก อย่านั่งไขว่ห้าง และวางเท้าราบไปกับพื้น

6) วางมือและแขนท่อนล่างไว้บนโต๊ะ

7) พักอยู่ในท่านี้เป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาทีก่อนที่จะเริ่มทำการปรับเทียบ

8) เมื่อคุณเริ่มทำการปรับเทียบ ให้อยู่นิ่ง ๆ และอย่าขยับแขนหรือพูดในขณะที่สวมสายรัดวัดความดันโลหิตอยู่

9) ให้หายใจตามปกติขณะที่ทำการวัด อย่าหายใจลึก ๆ หรือหายใจช้า ๆ

วิธีปรับเทียบ Galaxy Watch ของคุณ

1) สวมสายรัดวัดความดันโลหิตให้อยู่ตรงแขนท่อนบน

2) สวม Samsung Galaxy Watch บนข้อมือของแขนอีกข้าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายรัดข้อมือของ Galaxy Watch นั้นรัดแน่นอยู่บนข้อมือแต่อย่าให้แน่นเกินไป

3) วางสมาร์ทโฟน Galaxy ของคุณไว้บนโต๊ะในตำแหน่งที่คุณสามารถเอื้อมหยิบได้ง่าย

4) ในสมาร์ทโฟน Galaxy ให้เปิด Samsung Health Monitor และปฏิบัติตามคำแนะนำในหน้าจอเพื่อทำสิ่งดังต่อไปนี้





*หมายเหตุ: ให้ทำการวัดทั้งหมด 3 ครั้งภายใน 30 นาที เพื่อทำการปรับเทียบให้เสร็จสิ้น คุณจะต้องปรับเทียบใหม่ทุก ๆ 28 วันเพื่อให้สามารถวัดความดันโลหิตได้อย่างแม่นยำ
คุณสามารถปรับเทียบใหม่ได้ทุกเมื่อด้วยการเลือกปรับเทียบใหม่ (Recalibrate) จากเมนูในหน้าจอ โดยไม่ต้องรอให้ถึงรอบการปรับเทียบ

*หมายเหตุ: ให้ทำการวัดทั้งหมด 3 ครั้งภายใน 30 นาที เพื่อทำการปรับเทียบให้เสร็จสิ้น คุณจะต้องปรับเทียบใหม่ทุก ๆ 28 วันเพื่อให้สามารถวัดความดันโลหิตได้อย่างแม่นยำ
คุณสามารถปรับเทียบใหม่ได้ทุกเมื่อด้วยการเลือกปรับเทียบใหม่ (Recalibrate) จากเมนูในหน้าจอ โดยไม่ต้องรอให้ถึงรอบการปรับเทียบ

3. การวัดความดันโลหิตของคุณด้วย
Galaxy Watch

การวัดหลังการเตรียมการ

หลังจากที่คุณได้ปรับเทียบ Galaxy Watch ของคุณด้วยเครื่องวัดความดันโลหิตแบบวัดตรงบริเวณแขนท่อนบนหรือข้อมือแล้ว คุณก็พร้อมที่จะใช้ Samsung Health Monitor ใน Galaxy Watch ของคุณเพื่อวัดความดันโลหิต คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องวัดความดันโลหิตแบบวัดตรงบริเวณข้อมืออีกจนกว่าจะถึงการปรับเทียบครั้งต่อไปใน 28 วัน


กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างเพื่อให้การวัดความดันโลหิตมีความแม่นยำยิ่งขึ้น:

1) สวม Galaxy Watch ของคุณบนข้อมือของแขนข้างเดียวกันขณะที่ทำการปรับเทียบ พร้อมตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายรัดข้อมือของ Galaxy Watch นั้นรัดแน่นอยู่บนข้อมือแต่อย่าให้แน่นเกินไป

2) อย่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน และอย่าสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย หรืออาบน้ำ 30 นาทีก่อนที่จะทำการวัด

3) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแขนและข้อมือของคุณนั้นแห้งและปราศจากเหงื่อที่ออกมากเกินหรือโลชั่นทาผิว

4) ให้ทำการวัดขณะอยู่ภายในอาคารและในสถานที่เงียบ

5) วางเก้าอี้ที่นั่งสบายไว้ข้าง ๆ โต๊ะ

6) นั่งบนเก้าอี้โดยให้หลังพิงพนัก อย่านั่งไขว่ห้าง และวางเท้าราบไปกับพื้น

7) วางมือและแขนท่อนล่างไว้บนโต๊ะ

8) พักอยู่ในท่านี้เป็นเวลาอย่างน้อย 5 นาทีก่อนที่จะเริ่มทำการวัด

9) เมื่อคุณเริ่มทำการวัด ให้อยู่นิ่ง ๆ และอย่าขยับแขนหรือพูดในขณะที่ Galaxy Watch ทำการวัด

10) ให้หายใจตามปกติขณะที่ทำการวัด อย่าหายใจลึก ๆ หรือหายใจช้า ๆ





*จะมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาดแสดงอยู่ในหน้าจอของนาฬิกาข้อมือในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวหรือสัญญาณอ่อนในระหว่างที่ทำการวัด

  • 1

    เลือก 'Measure' (ตรวจวัด)
    บนหน้าจอนาฬิกาของคุณ

  • 2

    หลังจากตรวจวัดเสร็
    จแล้ว ให้ดูผลกา
    รตรวจบนหน้าจอนาฬิกา

*จะมีข้อความแจ้งข้อผิดพลาดแสดงอยู่ในหน้าจอของนาฬิกาข้อมือในกรณีที่มีการเคลื่อนไหวหรือสัญญาณอ่อนในระหว่างที่ทำการวัด

4. การตรวจดูการวัด
ความดันโลหิตของคุณ

ใน Galaxy Watch ของคุณ

หลังจากที่ Samsung Health Monitor ใน Galaxy Watch ได้ทำการวัดความดันโลหิตของคุณเรียบร้อยแล้ว Galaxy Watch กับสมาร์ทโฟน Galaxy จะแสดงผลลัพธ์ดังต่อไปนี้:

· ความดันซิสโทลิก (BP)
· ความดันไดแอสโทลิก (BP)
· ชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ)

อย่าเปลี่ยนยาหรือปริมาณยาโดยยึดตามตัวเลขเหล่านี้ ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนเสมอ

· พิสัยการวัด:
ซิสโทลิก 70-180mmHg, ไดแอสโทลิก 40-120mmHg
· พิสัยการปรับเทียบ:
ซิสโทลิก 80-170mmHg, ไดแอสโทลิก 50-110mmHg


ในสมาร์ทโฟน Galaxy ของคุณ

เมื่อทำการเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่าง Galaxy Watch กับสมาร์ทโฟน Galaxy ที่คุณใช้เพื่อปรับเทียบ Galaxy Watch แล้ว ผลลัพธ์การวัดของคุณก็จะซิงค์เข้ากับแอป Samsung Health Monitor ในสมาร์ทโฟน Galaxy คุณสามารถแบ่งปันข้อมูลนี้กับแพทย์เพื่อตรวจสอบหรือปรึกษาได้



*บุคคลที่มีความดันโลหิตซิสโทลิกและไดแอสโทลิกอยู่ใน 2 หมวดหมู่ควรได้รับการกำหนดค่าอยู่ในหมวดหมู่ความดันโลหิตที่สูงกว่า

*บุคคลที่มีความดันโลหิตซิสโทลิกและไดแอสโทลิกอยู่ใน 2 หมวดหมู่ควรได้รับการกำหนดค่าอยู่ในหมวดหมู่ความดันโลหิตที่สูงกว่า


สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะใช้แอป Blood Pressure:

1. ไม่ควรใช้แอป Blood Pressure เพื่อวินิจฉัยสภาวะความดันโลหิตสูงหรือสภาวะด้านหัวใจอื่น ๆ ไม่สามารถใช้แอป Blood Pressure แทนที่วิธีการวินิจฉัยหรือการรักษาแบบปกติโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพได้

2. อย่าใช้แอป Blood Pressure หากคุณมีสภาวะใดสภาวะหนึ่งดังต่อไปนี้:
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ภาวะก่อนหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย
- โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบหรือระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ
- โรคลิ้นหัวใจ (โรคที่เกี่ยวข้องกับลิ้นหัวใจเอออร์ตา)
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
- โรคหัวใจและหลอดเลือดอื่น ๆ
- โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย (ESRD)
- โรคเบาหวาน
- โรคระบบประสาท (เช่น อาการสั่น)
- ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ หรือหากคุณกำลังรับประทานยาสลายลิ่มเลือดตามที่แพทย์สั่ง
- มีรอยสักตรงข้อมือตรงบริเวณที่คุณจะสวมใส่ Galaxy Watch

3. แอป Blood Pressure ใช้สัญญาณออปติคัลที่ได้จากเซนเซอร์ใน Galaxy Watch และจำเป็นต้องได้รับสัญญาณคุณภาพดีเพื่อที่จะได้คำนวณความดันโลหิต มีปัจจัยหลายอย่างที่จะส่งผลต่อคุณภาพของสัญญาณ เช่น ความสะอาดตรงเซนเซอร์ของนาฬิกาข้อมือ หรือคุณสมบัติด้านออปติคัลของบริเวณที่ทำการวัด

4. อย่าเปลี่ยนยาหรือปริมาณยาโดยไม่ได้ปรึกษากับแพทย์ของคุณเสียก่อน



คำแนะนำสำหรับการใช้งาน (Blood Pressure) : IFU

คลิก ที่นี่ สำหรับเวอร์ชัน 4.0

  • จำเป็นต้องมี Samsung Galaxy Watch* และสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy (ระบบปฏิบัติการ Android P ขึ้นไป) จึงจะใช้แอป Samsung Health Monitor ได้ เนื่องจากข้อจำกัดของประเทศ/ภูมิภาคในการขออนุมัติ/ลงทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ แอป Samsung Health Monitor จึงทำงานได้เฉพาะกับนาฬิกาและสมาร์ทโฟนที่ซื้อในประเทศ/ภูมิภาคที่ใช้บริการได้ในขณะนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริการอาจถูกจำกัด/ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อผู้ใช้รีเซ็ตโทรศัพท์เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานหรือลบและติดตั้งแอป Samsung Health Monitor ใหม่ในขณะเดินทางในประเทศ/ภูมิภาคที่ไม่มีบริการ

    *แอป Blood Pressure มีให้บริการในประเทศ/ภูมิภาคต่อไปนี้** (ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 12 July 2024)

    • (1) มีให้ใช้งานใน Galaxy Active 2, Galaxy Watch3, Galaxy Watch4 และรุ่นใหม่กว่า (ไม่รวม Galaxy Fit)
      อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, อาเซอร์ไบจาน, เบลเยียม, โบลิเวีย, บราซิล, บัลแกเรีย, แคนาดา, ชิลี, เกาะคริสต์มาส, หมู่เกาะโคโคส (คีลิง), คอสตาริกา, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, จอร์เจีย, เยอรมนี, กรีซ, กัวเตมาลา, ฮ่องกง, ฮอนดูรัส, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อินโดนีเซีย, อิสราเอล, ไอร์แลนด์, อิตาลี, เกาหลี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มายอต, เนเธอร์แลนด์, นิการากัว, เกาะนอร์ฟอล์ก, นอร์เวย์, ปานามา, ปารากวัย, เปรู, โปแลนด์, โปรตุเกส, เรอูนียง, โรมาเนีย, รัสเซีย, สิงคโปร์, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แอฟริกาใต้, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, ตุรกี, สหราชอาณาจักร, ยูเครน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เวเนซุเอลา และเวียดนาม

    • (2) มีให้ใช้งานเฉพาะใน Galaxy Watch4 และรุ่นใหม่กว่า (ไม่รวม Galaxy Fit)
      จีนแผ่นดินใหญ่, มาเก๊า, ลักเซมเบิร์ก, มาเลเซีย, มอลตา, มอริเชียส, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
    **ไม่มีให้บริการในดินแดนหรือภูมิภาคอื่น เว้นแต่จะได้ระบุไว้ในรายชื่อประเทศ/ภูมิภาคที่ให้บริการ

  • แอป Blood Pressure ของ Samsung Health Monitor ถือเป็น 'เครื่องมือแพทย์' ในประเทศ/ภูมิภาค ที่กำหนดว่าต้องได้รับการขึ้นทะเบียน/อนุมัติ โปรดทราบว่าความพร้อมให้บริการของแอป Blood Pressure อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ/ภูมิภาค โปรดอ่าน 'ข้อควรระวังก่อนการใช้งาน' และ 'วิธีใช้งาน' ขั้นตอนที่ 1-4 ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน

  • แอป Blood Pressure ของ Samsung Health Monitor ไม่ได้มีจุดประสงค์ไว้สำหรับการวินิจฉัยใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูงหรือสภาวะหัวใจอื่นๆ หรือการใช้งานสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 22 ปี ผู้ใช้ไม่ควรตีความผลลัพธ์หรือดำเนินการรักษาโดยอิงตามข้อมูลแสดงผลที่ได้จากอุปกรณ์ โดยไม่ได้ปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ไม่สามารถใช้แอป Blood Pressure แทนที่วิธีการวินิจฉัยหรือการรักษาแบบปกติได้


ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้
ด้วย Galaxy Watch
ของคุณ

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) นั้นคือการทดสอบที่วัดคลื่นไฟฟ้าของหัวใจและทำการบันทึกข้อมูลเป็นกราฟ ECG คือวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจจับการเต้นผิดจังหวะของหัวใจในขณะนี้ แอป ECG ของ Samsung Health Monitor ตรวจจับสัญญาณ ECG ได้ (คล้ายคลึงกับ Lead I ECG) ด้วยความช่วยเหลือจากเซนเซอร์ ECG ของ Galaxy Watch ของคุณ และตรวจดูว่ามีภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) หรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจปกติ (Normal Sinus Rhythm) แอป ECG ของ Samsung Health Monitor สร้าง บันทึก และส่งออกข้อมูล ECG ได้

ฉันจะวัดสัญญาณคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ด้วยแ
อป Samsung Health Monitor ได้อย่างไร

วิธีใช้

1. จับคู่อุปกรณ์ของคุณ

หากต้องการวัด ECG (คลื่นไฟฟ้าหัวใจได้) ด้วยแอปนี้ คุณต้องจับคู่ Galaxy Watch เข้ากับสมาร์ทโฟน Galaxy ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้เสียก่อน

1) ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Galaxy Watch ของคุณรองรับกับ Samsung Health Monitor

*นาฬิกาข้อมือที่รองรับ: Galaxy Watch3, Galaxy Watch Active2 และ Galaxy Watch กับ Active รุ่นใหม่กว่า
(ไม่รวม Galaxy Fit)

2) ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Galaxy Watch ของคุณนั้นได้จับคู่กับสมาร์ทโฟน Galaxy ด้วย Bluetooth

3) เชื่อมต่อ Galaxy Watch ของคุณเข้ากับแอป Galaxy Wearable ในสมาร์ทโฟนเพื่ออัปเดตเป็นซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด

4) หากติดตั้ง Samsung Health Monitor ไว้ใน Galaxy Watch ของคุณอยู่แล้ว ให้เปิดแอปและทำตามคำแนะนำการติดตั้งในหน้าจอ

  • Galaxy Store
  • Samsung
    Health Monitor

2. ข้อควรระวังก่อนการใช้งาน

1) สวม Galaxy Watch ให้พอดีกับข้อมือของคุณ

2) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมือของคุณ (บริเวณของผิวหนังที่สัมผัสกับเซนเซอร์นาฬิกาข้อมือ) นั้นไม่แห้งเกินไป

3) อย่าออกกำลังกายหนัก 5 นาทีก่อนที่จะทำการวัด

4) ทำการวัดขณะที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยให้วางหลังพิงพนักพร้อมวางมือกับแขนทั้งสองข้างพักไว้อยู่บนโต๊ะ

5) อย่าขยับแขนกับนิ้วมือหรือพูดขณะที่ทำการวัด

3. การบันทึก ECG ด้วย Galaxy Watch ของคุณ

1) เปิดแอป Samsung Health Monitor ใน Galaxy Watch ของคุณ

2) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้สวม Galaxy Watch แนบชิดกับข้อมือของคุณดีแล้ว

3) วางแขนท่อนล่างพักไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ให้แตะปลายนิ้วมือของมืออีกข้างตรงปุ่มด้านบนสุดของ Galaxy Watch เบา ๆ เป็นเวลา 30 วินาที อย่าขยับและอย่าพูดในขณะที่ Galaxy Watch ทำการวัด เมื่อทำการบันทึกสำเร็จ ผลลัพธ์ของ ECG จะปรากฏอยู่ในนาฬิกาข้อมือของคุณ หมายเหตุ: อย่ากดปุ่มด้านบนสุดขณะที่ทำการบันทึก เนื่องจากการกดปุ่มด้านบนสุดระหว่างที่ทำการบันทึกนั้นจะเป็นการหยุดการบันทึก

4) เลื่อนขึ้นและลงเพื่อดูผลลัพธ์ ECG ของคุณ ทั้งนี้ หากคุณมีอาการต่าง ๆ ให้แตะเพิ่ม (Add) ในหน้าจออาการต่าง ๆ (Symptoms) เลื่อนดูรายชื่อและแตะอาการแต่ละแบบที่คุณมี จากนั้นก็ให้แตะบันทึก (Save) เพื่อเพิ่มอาการไปยังรายงาน ECG ของคุณ แล้วก็กลับไปที่หน้าจอผลลัพธ์ (Results)

5) แตะเสร็จสิ้น (Done) เพื่อกลับไปยังหน้าจอเริ่มต้น (Start) คุณสามารถตรวจดูรายงาน ECG ของคุณได้ในแอป ECG Monitor ในโทรศัพท์ (โปรดทราบว่าจำเป็นต้องจับคู่นาฬิกาข้อมือกับโทรศัพท์ด้วย Bluetooth เพื่อทำการซิงค์ข้อมูล)

  • คำแนะนำ
    ก่อนทำการบันทึก
  • ผลลัพธ์ ECG

4. การดูรายงาน ECG ใน Galaxy ของคุณ

หลังจากที่คุณทำการวัด ECG แล้ว ข้อมูล ECG ดังกล่าวจะซิงค์เข้ากับสมาร์ทโฟน Galaxy ที่จับคู่อยู่ด้วย ที่ซึ่งจะมีการสร้างรายงาน PDF ขึ้นมา

1) ผลลัพธ์การวิเคราะห์ ECG หลังจากที่วัดจะถูกส่งจาก Galaxy Watch ไปยังสมาร์ทโฟน Galaxy

2) ในแอปของโทรศัพท์ คุณสามารถเรียกดูผลลัพธ์แบบละเอียดที่ส่งมาจาก Galaxy Watch และคุณสามารถดูผลลัพธ์ที่จำแนกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

∙ จังหวะไซนัส (Sinus Rhythm) : จังหวะไซนัส (Sinus Rhythm) คือช่วงที่หัวใจเต้นด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอ จังหวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องบนและห้องล่างเต้นแบบเข้าจังหวะกัน ผลลัพธ์แบบจังหวะไซนัส (Sinus Rhythm) นั้นอิงอยู่กับข้อมูล ECG ที่บันทึกไว้ในช่วงใดช่วงหนึ่ง และไม่ได้หมายความว่าหัวใจของคุณนั้นเต้นอย่างพร้อมเพรียงกันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ผลลัพธ์แบบจังหวะไซนัส (Sinus Rhythm) ไม่ได้รับประกันว่าคุณไม่ได้มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะหรืออาการด้านสุขภาพอื่น ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณหากคุณรู้สึกไม่สบายไม่ว่าผลลัพธ์ที่ได้ของคุณจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม

∙ ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) : ภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้วหรือ AFib เกิดขึ้นเมื่อหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อหัวใจห้องบนเต้นไม่เข้าจังหวะกับหัวใจห้องล่าง AFib เป็นอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบได้บ่อยที่สุด หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะดังกล่าวอาจนำไปสู่การเกิดลิ่มเลือด สโตรก หัวใจล้มเหลว และปัญหาด้านหัวใจอื่น ๆ ได้

∙ สรุปไม่ได้ (Inconclusive) : ผลลัพธ์แบบสรุปไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถจำแนกประเภทข้อมูล ECG ที่บันทึกไว้ได้ กรณีนี้สามารถเกิดขึ้นได้หาก:
- อัตราการเต้นของหัวใจในช่วงที่ทำการบันทึกนั้นต่ำกว่า 50 bpm
- อัตราการเต้นของหัวใจในช่วงที่ทำการบันทึกนั้นสูงกว่า 100 bpm และจังหวะการเต้นนั้นไม่ใช่แบบ AFib
- จังหวะการเต้นของหัวใจนั้นเป็นแบบ AFib และอัตราการเต้นของหัวใจนั้นสูงกว่า 120 bpm
- จังหวะการเต้นของหัวใจนั้นไม่ใช่ทั้งแบบจังหวะไซนัสหรือ AFib

ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณหากคุณได้รับผลลัพธ์นี้บ่อย ๆ

∙ การบันทึกที่ใช้ไม่ได้ (Poor Recording) : ผลลัพธ์การบันทึกที่ใช้ไม่ได้หมายความว่า Samsung Health Monitor ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ การบันทึกที่ใช้ไม่ได้มักเกิดขึ้นเนื่องจากคุณขยับร่างกายระหว่างที่ทำการบันทึก หรือ Galaxy Watch ไม่ได้สัมผัสกับผิวหนังตรงข้อมือหรือนิ้วมือของคุณอย่างเพียงพอ

หากคุณได้รับผลลัพธ์นี้บ่อย ๆ ให้ดูที่ส่วนการแก้ปัญหาในเอกสารคำแนะนำสำหรับการใช้งาน

  • 1

    รายงาน ECG

  • 2

    ข้อมูลจำเพา
    ะของรายงาน ECG


สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะใช้แอป ECG:

1. ไม่ควรใช้แอป ECG เพื่อจุดประสงค์ด้านการวินิจฉัยโรคใด ๆ
แอป ECG ไม่สามารถวินิจฉัยอาการทางหัวใจหรือสัญญาณของโรคหัวใจวายได้

2. ไม่สามารถใช้แอป ECG แทนที่วิธีการวินิจฉัยหรือการรักษาแบบปกติโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพได้
ให้ติดต่อหน่วยบริการฉุกเฉินในพื้นที่ทันทีหากคุณคิดว่าคุณกำลังเกิดอาการฉุกเฉินทางการแพทย์

3. อย่าเปลี่ยนยาหรือปริมาณยาโดยไม่ได้ปรึกษากับแพทย์ของคุณเสียก่อน

4. อย่าตีความหรือดำเนินการรักษาโดยอิงตามการวัดของแอป ECG โดยมิได้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพที่มีคุณสมบัติเสียก่อน

5. อย่าใช้แอป ECG หากคุณเคยผ่าตัดใส่เครื่องจัดการจังหวะการเต้นของหัวใจ เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์อื่น ๆ

6. อย่าใช้แอป ECG หากคุณมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่นอกเหนือไปจากภาวะหัวใจห้องบนเต้นสั่นพลิ้ว


คำแนะนำสำหรับการใช้งาน (ECG) : IFU

คลิก ที่นี่ สำหรับเวอร์ชัน 3.1

  • จำเป็นต้องมี Samsung Galaxy Watch* และสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy (ระบบปฏิบัติการ Android P ขึ้นไป) จึงจะใช้แอป Samsung Health Monitor ได้ เนื่องจากข้อจำกัดของประเทศ/ภูมิภาคในการขออนุมัติ/ลงทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ แอป Samsung Health Monitor จึงทำงานได้เฉพาะกับนาฬิกาและสมาร์ทโฟนที่ซื้อในประเทศ/ภูมิภาคที่ใช้บริการได้ในขณะนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บริการอาจถูกจำกัด/ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อผู้ใช้รีเซ็ตโทรศัพท์เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานหรือลบและติดตั้งแอป Samsung Health Monitor ใหม่ในขณะเดินทางในประเทศ/ภูมิภาคที่ไม่มีบริการ

    *แอป ECG มีให้บริการในประเทศ/ภูมิภาคต่อไปนี้**  (ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ 12 July 2024)

    • (1) มีให้ใช้งานใน Galaxy Active 2, Galaxy Watch3, Galaxy Watch4 และรุ่นใหม่กว่า (ไม่รวม Galaxy Fit)
      อาร์เจนตินา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, อาเซอร์ไบจาน, เบลเยียม, โบลิเวีย, บราซิล, บัลแกเรีย, แคนาดา, ชิลี, เกาะคริสต์มาส, หมู่เกาะโคโคส (คีลิง), คอสตาริกา, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, จอร์เจีย, เยอรมนี, กรีซ, กัวเตมาลา, ฮ่องกง, ฮอนดูรัส, ฮังการี, ไอซ์แลนด์, อินโดนีเซีย, อิสราเอล, ไอร์แลนด์, อิตาลี, เกาหลี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มายอต, เนเธอร์แลนด์, นิการากัว, เกาะนอร์ฟอล์ก, นอร์เวย์, ปานามา, ปารากวัย, เปรู, โปแลนด์, โปรตุเกส, เรอูนียง, โรมาเนีย, รัสเซีย, สิงคโปร์, สโลวาเกีย, สโลวีเนีย, แอฟริกาใต้, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวัน, ตุรกี, สหราชอาณาจักร, ยูเครน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหรัฐอเมริกา, เวเนซุเอลา และเวียดนาม

    • (2) มีให้ใช้งานเฉพาะใน Galaxy Watch4 และรุ่นใหม่กว่า (ไม่รวม Galaxy Fit)
      จีนแผ่นดินใหญ่, อินเดีย, มาเก๊า, ลักเซมเบิร์ก, มาเลเซีย, มอลตา, มอริเชียส, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
    **ไม่มีให้บริการในดินแดนหรือภูมิภาคอื่น เว้นแต่จะได้ระบุไว้ในรายชื่อประเทศ/ภูมิภาคที่ให้บริการ

  • แอป ECG ของ Samsung Health Monitor จัดว่าเป็น 'เครื่องมือแพทย์' ในประเทศ/ภูมิภาคที่กำหนดว่าต้องได้รับการขึ้นทะเบียน/อนุมัติ โปรดทราบว่าความพร้อมให้บริการของแอป ECG อาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ/ภูมิภาค โปรดอ่าน 'ข้อควรระวังก่อนการใช้งาน' และ 'วิธีใช้งาน' ขั้นตอนที่ 1-4 ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน

  • แอป ECG ของ Samsung Health Monitor ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูงหรือโรคหัวใจอื่นๆ หรือเพื่อการใช้งานโดยผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 22 ปี ผู้ใช้ไม่ควรตีความผลลัพธ์หรือดำเนินการรักษาโดยอิงตามข้อมูลแสดงผลที่ได้จากอุปกรณ์ โดยไม่ได้ปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ แอป ECG ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนวิธีการตรวจวินิจฉัยหรือการรักษาแบบเดิม


 

แอปและบริการ