“วิธีเลือกแอร์” ให้เย็นสบาย ดีต่อสุขภาพและช่วยเซฟค่าไฟด้วย

4 ปัจจัยสำคัญที่ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ

เลือกแอร์ให้เหมาะทั้ง BTU การใช้งาน ประหยัดพลังงาน และใส่ใจสุขภาพ เพื่อความคุ้มค่าและสบายใจในระยะยาว

ปัจจัยที่ 1

เลือก BTU ให้ตรงกับขนาดห้อง

การเลือก BTU ที่เหมาะสมช่วยให้แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่กินไฟเกินจำเป็น แถมยืดอายุการใช้งาน หาก BTU มากเกินไปหรือเล็กเกินไป อาจทำให้แอร์เสียง่ายหรือสิ้นเปลืองค่าไฟโดยไม่จำเป็น
เลือก BTU ให้ตรงกับขนาดห้อง เลือก BTU ให้ตรงกับขนาดห้อง
ปัจจัยที่ 2

เลือกประเภทแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน

ทั้งแอร์แบบติดผนังที่ดูแลง่าย ราคาคุ้มค่า หรือแอร์แบบฝังฝ้าที่สวยงามกลมกลืน เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ การเลือกชนิดแอร์ที่เข้ากับพื้นที่จะช่วยให้ได้ทั้งความเย็นและความคุ้มค่าในระยะยาว
เลือกประเภทแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน เลือกประเภทแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน
ปัจจัยที่ 3

อย่ามองแค่ฉลากเบอร์ 5

นอกจากฉลากประหยัดไฟ ควรพิจารณาค่า EER/SEER และโหมด ECO เพราะช่วยประหยัดพลังงานได้จริง ลดค่าไฟได้มากกว่าในระยะยาว เลือกแอร์ที่ปลอดภัยต่อคนในบ้าน และช่วยดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน
อย่ามองแค่ฉลากเบอร์ 5 อย่ามองแค่ฉลากเบอร์ 5
ปัจจัยที่ 4

เลือกแอร์ที่ฉลาดและใส่ใจสุขภาพ

แอร์รุ่นใหม่มาพร้อม AI ปรับโหมดอัตโนมัติ ควบคุมผ่านแอปได้แม้ไม่อยู่บ้าน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี WindFree™ Cooling และฟิลเตอร์กรองฝุ่น PM1.0 เพื่ออากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย เงียบ และดีต่อสุขภาพของทุกคน
เลือกแอร์ที่ฉลาดและใส่ใจสุขภาพ เลือกแอร์ที่ฉลาดและใส่ใจสุขภาพ

ประเภทของเครื่องปรับอากาศที่นิยมใช้ในบ้าน

ปัจจุบันแอร์มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแอร์ติดผนัง แอร์ฝังฝ้า แอร์ท่อ และอุปกรณ์เสริมแอร์
โดยแต่ละแบบมีข้อดีต่างกันไป

1. เลือก BTU ให้เหมาะกับพื้นที่

BTU (British Thermal Unit) คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 ตันความเย็น เท่ากับ 12000 BTU/ชั่วโมง BTU จึงเกี่ยวเนื่องกับการประหยัดพลังงาน และอายุการใช้งานของแอร์

เพราะการใช้แอร์ที่มีขนาด BTU เหมาะสม จะทำให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่เปลืองพลังงาน และประหยัดค่าใช้จ่าย อย่าดูแค่โปรโมชั่นราคาถูก ถ้าเลือก BTU ไม่เหมาะสม ค่าไฟในระยะยาวอาจจะแพงกว่าค่าแอร์ก็เป็นได้ แอร์ที่มี BTU สูงเกินไป คอมเพรสเซอร์จะตัดบ่อย ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานน้อยลง ความชื้นในห้องสูง และเป็นการเสียเงินเกินจำเป็น ส่วนแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานหนัก ทำความเย็นไม่ได้ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ สิ้นเปลืองพลังงาน อายุการใช้งานสั้นลง แอร์เสียง่าย เปลืองเงินค่าซ่อมแซม

ลองมาดูรายละเอียดการเปรียบเทียบ BTU กับขนาดห้องที่เหมาะสมได้ที่ตารางนี้เลย

BTU

ห้องแอร์ปกติ

ห้องแอร์ที่โดดแดด

ขนาด 9,000 BTU

พื้นที่ 12-15 ตร.ม

พื้นที่ 11-14 ตร.ม

ขนาด 12,000 BTU

พื้นที่ 16-20 ตร.ม

พื้นที่ 14-18 ตร.ม

ขนาด 18,000 BTU

พื้นที่ 24-30 ตร.ม

พื้นที่ 21-27 ตร.ม

ขนาด 21,000 BTU

พื้นที่ 28-35 ตร.ม

พื้นที่ 25-32 ตร.ม

ขนาด 24,000 BTU

พื้นที่ 32-40 ตร.ม

พื้นที่ 28-36 ตร.ม

ขนาด 25,000 BTU

พื้นที่ 35-44 ตร.ม

พื้นที่ 30-39 ตร.ม

ขนาด 30,000 BTU

พื้นที่ 40-50 ตร.ม

พื้นที่ 35-45 ตร.ม

ขนาด 35,000 BTU

พื้นที่ 48-60 ตร.ม

พื้นที่ 42-54 ตร.ม

ขนาด 48,000 BTU

พื้นที่ 64-80 ตร.ม

พื้นที่ 56-72 ตร.ม

ขนาด 80,000 BTU

พื้นที่ 80-200 ตร.ม

พื้นที่ 70-90 ตร.ม

2. เลือกรูปแบบแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน

รูปแบบแอร์ที่เป็นที่นิยมใช้ในประเทศไทยมี 2 ประเภท คือ

- แอร์แบบติดผนัง
เป็นแอร์ที่มีขนาดเล็ก ดีไซน์สวยงาม ประหยัดพลังงาน ราคาไม่แพง ติดตั้งและบำรุงรักษาได้ง่าย จึงเป็นที่นิยมใช้ในบ้านเรือนทั่วไป และห้องขนาดเล็ก สามารถไปดูเพิ่มเติมได้ที่ แอร์แบบติดผนัง

- แอร์แบบฝังฝ้า
เป็นแอร์ที่กระจายลมเย็นได้ 4 ทิศทาง ตัวเครื่อง ท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งภายในฝ้าเพดานได้ มีความสวยงามกลมกลืนกับสถานที่ แต่ราคาเครื่องต่อ BTU แพงกว่าแอร์แบบติดผนัง ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญในการติดตั้ง และบำรุงรักษา เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ สามารถไปดูเพิ่มเติมได้ที่ แอร์แบบฝังฝ้า

การเลือกใช้แอร์ประเภทไหนควรพิจารณาจากพื้นที่เป็นหลัก แต่ถ้าต้องการความแนบเนียนในห้องที่มีขนาดใหญ่ การเลือกแอร์แบบฝังฝ้าก็เป็นตัวเลือกที่ดี

3. อย่าเลือกแค่ฉลากเบอร์ 5

ใครๆ ก็รู้ว่าเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องมีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 แต่ค่า EER/SEER ก็สำคัญเช่นเดียวกัน
เครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER/SEER สูง จะมีประสิทธิภาพในการทำงานดี กินไฟน้อย ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้มากกว่า คุ้มค่ากว่า และควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี ECO MODE (โหมดประหยัด) เพราะคอมเพรสเซอร์จะทำงานน้อยลง* เมื่อเทียบกับโหมดปกติ ทำให้กินไฟน้อยลง ทำให้คุณรู้สึกเย็นอย่างมีประสิทธิภาพ สบายกาย สบายใจ ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องค่าไฟอีกต่อไป

* ทดสอบกับรุ่น AR07T9170HA3 โดยเปรียบเทียบกับรุ่นทั่วไปของ Samsung ซึ่งเป็นการวัดผลการใช้พลังงานแบบสะสมของโหมด Fast Cooling กับโหมด ECO Mode (โหมดประหยัด)

4. เลือกแอร์ที่ฉลาด และห่วงใยสุขภาพ

นอกจากดีไซน์สวย ราคาดี ประหยัดไฟ จะซื้อแอร์ใหม่ทั้งทีต้องเลือกให้รับรองความเป็น Smart home

อย่างแอร์ซัมซุงที่ทำความเย็นอัตโนมัติด้วย AI สามารถปรับโหมดต่างๆ ให้เหมาะสมได้โดยอัตโนมัติด้วยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของห้อง และรูปแบบการใช้งาน ยึดตามอุณหภูมิที่คุณต้องการ ระบบจะเปลี่ยนไปใช้โหมดที่เหมาะสมที่สุด เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้ดีที่สุด และควรเลือกแอร์ที่ควบคุมการใช้งานเครื่องปรับอากาศผ่านแอปพลิเคชันได้ สั่งงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ถึงจะออกจากบ้านแล้ว แต่ดันลืมปิดแอร์ ค่าไฟก็ไม่พุ่ง เพราะสั่งปิดผ่านมือถือได้ง่ายๆ

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องความฉลาด ก็คือแอร์ที่แคร์สุขภาพของคุณ ควรเลือกแอร์ที่ทำงานอย่างเงียบเชียบ แอร์รุ่นเก่าๆ อาจจะมีเสียงดังรบกวนสมาธิ หรือการนอนหลับของคุณ แอร์ที่ทำงานได้เงียบมักจะเป็นระบบดิจิตอล อินเวอร์เตอร์ เพราะมอเตอร์คอมเพรสเซอร์มีรอบการทำงานที่สม่ำเสมอ เพื่อให้อุณหภูมิคงที่ อย่างเทคโนโลยี Digital Inverter Boost ในแอร์ซัมซุง ที่ประหยัดพลังงานสูง ซึ่งสามารถคงอุณหภูมิที่ต้องการไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกับแม่เหล็กนี และ Twin Tube Muffler ซึ่งลดการสั่นสะเทือนของคอมเพรสเซอร์ จึงทำงานได้เงียบกว่า มีเสียงรบกวนคุณน้อยที่สุด

ส่วนใครที่ชอบความเย็นสบาย แต่ไม่อยากให้ลมเย็นตกกระทบตัวโดยตรง เพราะจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ต้องเลือกแอร์ที่มี WindFree™ Cooling เทคโนโลยีกระจายลมอย่างนุ่มนวล เงียบเชียบผ่านรูขนาดเล็ก 23,000 รู ดีต่อสุขภาพ เพราะลมจะไม่ปะทะตัว ไม่ทำให้คุณรู้สึกหนาว ระบบการไหลของอากาศขั้นสูงยังช่วยทำความเย็นได้กว้าง และไกลกว่าเดิมอย่างทั่วถึงมากขึ้น และยังใช้พลังงานน้อยกว่า Fast Cooling ถึง 77% ด้วย**

** ทดสอบกับรุ่น AR07T9170HA3 อิงตามการใช้พลังงานของโหมด Fast Cooling กับ WindFree™ Cooling

และโหมด WindFree™ Good Sleep ยังช่วยให้คุณนอนหลับแบบไร้ซึ่งลมหนาวที่อาจทำให้คุณสะดุ้งตื่นระหว่างการพักผ่อน การควบคุมอุณหภูมิด้วย WindFree™ Cooling จะช่วยให้คุณนอนหลับได้อย่างสนิท และสบายตัว รู้สึกสดชื่นในทุกๆ เช้าที่ตื่นนอน เพราะได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม

เมื่อมีลมที่เย็นสบายแล้ว ลมนั้นต้องสะอาดและบริสุทธิ์ ด้วยนวัตกรรม PM1.0 Filter ระบบฟอกอากาศแบบพิเศษจากซัมซุง ด้วยแผ่นกรองพิเศษซึ่งทำงานด้วยหลัก electrostatic กรองฝุ่นละเอียดถึง PM0.3 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า PM2.5 ถึงเกือบ 10 เท่า ได้ถึง 90% ให้อากาศบริสุทธิ์ หายห่วงได้ทั้งไวรัส แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและทุกคนในครอบครัว

บทความที่น่าสนใจ