Galaxy S25 FE ฟีเจอร์เทียบรุ่นพี่ เฟรชชี่หน้าใหม่

ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่งาน Galaxy Event ได้มีการเปิดตัวหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งเฟรชชี่หน้าใหม่ที่จะมาเป็นรุ่นน้องของพี่ๆ เรือธงอย่าง Galaxy S25 FE ซึ่งทีมงานซัมซุงเกริ่นมาว่าเป็นรุ่นที่ตั้งใจให้ Galaxy AI เข้่าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้มากขึ้น ใช้ชื่อนำหน้าว่า S25 อย่างนี้ ทุกคนคงรู้ได้เลยว่า นี่คือหนึ่งในตระกูลเรือธงตัวท็อปอย่าง S25Series ฟีเจอร์กล้องและAIจัดเต็มไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง S25 Ultra มีอะไรอัปเกรด มีอะไรได้เหมือนรุ่นพี่บ้าง บทความนี้คัดเรื่องเด่นๆ มาให้คุณรู้แบบเข้าใจง่ายๆ แล้ว

1. ราคาจับต้องได้

ก่อนลงลึกไปถึงฟีเจอร์และฟังก์ชัน เรื่องที่เด่นที่สุดก็คงต้องเป็นเรื่องราคา คุณสมบัติหลักๆ ทำได้เหมือน S25 Ultra ในราคาหั่นครึ่ง เพราะ S25 FE เปิดตัวอยู่ที่ราคาประมานสองหมื่นต้นเท่านั้น แต่จัดเต็มฟีเจอร์ทั้งกล้องสกินโทนสีสวย, ฟีเจอร์ AI, และชาร์จไวไม่ต่างกับ S25 Ultra คุ้มค่า ตอบโจทย์คนที่งบจำกัด แต่ต้องการใช้ฟีเจอร์แบบ S Series มากๆ

2. ฟีเจอร์ AI

เทคโนโลยี AI ถือเป็นอนาคตที่มือถือทุกรุ่นต้องมี แถมยังพัฒนาขึ้นจนมีประโยชน์และมีอิทธิพลกับชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรุ่น S25 FE นี้มีฟีเจอร์​ AI ทุกอย่างแบบเดียวกับ รุ่น S25 Ultra ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของซัมซุง ไม่ว่าจะเป็น
- Generative Edit ไม่ใช่แค่ลบคน ลบวัตถุ แต่ยังเติมแต่งภาพให้สวยพร้อมโพสต์
- Audio Eraser ลบเสียงรบกวนจากคลิปที่ถ่ายมา
- Best Face ใช้ AI เลือกรูปที่หน้าของเราดีที่สุด
- Sketch to image ฟีเจอร์การวาดรูปแล้วให้ AI ทำภาพให้กลายเป็นรูปจริง
- Now Brief/Now Bar สรุปชีวิตประจำวันที่เราควรต้องรู้ให้
- Gemini Live พูดคุยกับ AI ถามตอบได้แบบเรียลไทม์
นี่ยังแค่ส่วนเดียว แต่เอาเป็นว่า รุ่นพี่มีอะไร รุ่นน้องก็มีให้หมด ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่งออกมาปีนี้ก็มีได้เท่ากับเรือธงเลย

3. รูปลักษณ์ น้ำหนัก ฟังก์ชัน

แน่นอนว่า S25 FE มีดีไซน์ไม่ต่างไปกับรุ่นพี่ๆ ที่มีความพรีเมียม สมมงแบบมือถือเรือธง S25 FE หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว (เท่ากับ S25+) และมีน้ำหนักอยู่ที่ 190 กรัม ซึ่งจะน้ำหนักเบากว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง S25 Ultra ที่มีน้ำหนัก 218 กรัม และมีหน้าจอขนาด 6.9 นิ้ว ส่วนด้านฟังก์ชันอื่นๆ ที่ได้มาเหมือนกันก็คือการ Fast Charge ซึ่งรองรับการชาร์จแบบ 45W เหมือนกัน ในส่วนของความจุแบตเตอรี่ S25 FE จะอยู่ที่ 4900 mAh จะน้อยกว่ารุ่นพี่อยู่เล็กน้อยเพียง 100 mAH ซึ่งถือว่าไม่มากเลย หากใช้งานทั่วไป ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั้งวัน นอกจากนี้ก็ยังได้ฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งเทียบเท่ากับรุ่นพี่มาอีกด้วย

4. กล้อง

ถึงแม้ว่าจะราคาสองหมื่นต้น แต่ประสบการณ์การถ่ายภาพของ S25 FE ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปจากรุ่นพี่อย่าง S25 Ultra เลย กล้องของ S25 FE นั้น ยังคงคุณภาพความละเอียดคมชัด สมกับเป็นหนึ่งในตระกูล S Series โดยมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ เลนส์หลัก (Wide) 50 MP, เลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide) 12 MP และมีเลนส์ซูม (Tele) 8 MP ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 12 MP ทั้งหมดนี้มาพร้อม ProVisual Engine เทคโนโลยี AI ที่เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่ายให้ผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ในขณะที่รุ่นพี่อย่าง S25 Ultra มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียดสูงสุด ระดับ 200MP รวมถึงเลนส์อื่นๆ ก็ได้ระดับสูงที่สุด รองรับประสบการณ์การถ่ายภาพสุดล้ำ ระดับช่างภาพมืออาชีพ ส่วนใครที่ชอบถ่ายวิดีโอ S25 FE ก็รองรับการถ่ายวิดีโอกล้องหลังสูงสุด 8K และกล้องหน้าสูงสุด 4K ชัดสุดๆ จะใช้ถ่ายเล่นหรือถ่ายคอนเทนต์ไว้สำหรับใช้งานก็ตอบโจทย์

กล้องของ S25 FE นั้น ยังคงคุณภาพความละเอียดคมชัด สมกับเป็นหนึ่งในตระกูล S Series โดยมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ เลนส์หลัก (Wide) 50 MP, เลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide) 12 MP และมีเลนส์ซูม (Tele) 8 MP ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 12 MP กล้องของ S25 FE นั้น ยังคงคุณภาพความละเอียดคมชัด สมกับเป็นหนึ่งในตระกูล S Series โดยมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ เลนส์หลัก (Wide) 50 MP, เลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide) 12 MP และมีเลนส์ซูม (Tele) 8 MP ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 12 MP
กล้องหน้ามีความละเอียด 12 MP ทั้งหมดนี้มาพร้อม ProVisual Engine เทคโนโลยี A กล้องหน้ามีความละเอียด 12 MP ทั้งหมดนี้มาพร้อม ProVisual Engine เทคโนโลยี A

5. ความลื่นและความแรง

ทั้งคู่ได้หน้าจอ Refresh Rate แบบ 120Hz เท่ากัน ทำให้การใช้งานโดยรวมไหลลื่นเหมือนกัน แต่จะต่างกันที่ชิพประมวลผล ซึ่งของ S25 FE และรุ่นพี่ Ultra นั้นใช้คนละชิพกัน ส่วน RAM นั้นของรุ่นพี่ได้ถึง 12/16GB แต่รุ่นน้องนั้นอยู่ที่ 8GB ส่งผลให้รุ่นน้องอย่าง S25 FE จะตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป ลื่นและแรงเกินพอในชีวิตประจำวัน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่ใช้งานหนักๆ เช่น เล่นเกมที่กินกราฟฟิก หรือ ตัดต่อวิดีโอที่มีความละเอียดสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน รุ่นพี่อย่าง S25 Ultra จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า

สรุป

โดยสรุปแล้ว Galaxy S25 FE นั้นเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มค่า และตอบโจทย์มากๆ สำหรับการใช้งานแบบทั่วไป ผู้ที่ไม่ได้ต้องการกล้องเทพสุด ไม่ได้เอาไปใช้งานหนักๆ หรือเอาไปประกอบอาชีพ ถ่ายวิดีโอตัดต่อแบบคุณภาพสูงๆ หากต้องการมือถือที่ใช้ชีวิตประจำวันแบบลื่นไหล ได้ AI มาแบบจัดเต็ม รูปลักษณ์พรีเมียมเทียบเคียงกับรุ่นพี่อย่าง S25 Ultra ในราคาที่ถูกกว่ากันเกินครึ่ง ขอบอกเลยว่า S25 FE นี่ตอบชีวิตและคุ้มค่ามากๆ ใช้ไปได้ยาวๆ