เพื่อความบันเทิง

eSIM คืออะไร เปิดใช้งานอย่างไร และมือถือรุ่นไหนรองรับ eSIM บ้าง

ในยุคที่ขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยี การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ สมาร์ทโฟน นั้นนับเป็นปัจจัยที่ 5 อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ล่าสุดเทคโนโลยีตัวใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มความสะดวกมากขึ้นในวงการ SIM Card คือ e-SIM นั่นเอง

ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ eSIM คืออะไร ดีกว่าการใช้ SIM Card แบบเดิม ๆ อย่าง Nano SIM อย่างไร อยากใช้ eSIM จะต้องทำอย่างไรบ้าง พร้อมตอบคำถามที่คุณอาจสงสัย

eSIM คืออะไร

eSIM หรือ embedded SIM คือซิมการ์ดขนาดเล็กเพียง 5 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งจะถูกฝังอยู่ภายในอุปกรณ์ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตในโรงงาน ทำให้ไม่สามารถถอดออกจากตัวอุปกรณ์ได้ แต่จะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลใน eSIM โดยผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สาย เพื่อเปิดใช้บริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ตามปกติเช่นเดียวกับ Nano SIM หรือ SIM Card แบบอื่น

ในโลกดิจิทัลที่อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญอย่างมากนั้นอาจจำเป็นที่ต้องมี SIM Card เพื่อรับ และส่งสัญญาณภายในอุปกรณ์ แต่การใช้ซิมรูปแบบเดิมก็มีปัญหาไม่น้อย อาทิ ใส่ซิมได้อย่างจำกัด (ได้เพียง 1-2 SIM ต่ออุปกรณ์เท่านั้น), สูญหายได้ง่ายเพราะอาจต้องถอดออกมาเพื่อสลับเปลี่ยนซิม, อุปกรณ์หลายอย่างไม่สะดวกต่อการทำช่องใส่ซิม เป็นต้น

การมีอยู่ของ eSIM คือสิ่งที่จะเข้ามาลดปัญหาดังกล่าวของ SIM Card ที่มีขนาดใหญ่กว่า และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายได้ทำการตลาดอีกด้วย ในอนาคตคาดการณ์ว่า eSIM คือสิ่งที่อาจเข้ามาแทนที่ SIM Card ประเภทอื่น ๆ เนื่องจากเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานและผู้ผลิตมากกว่า

ข้อดีของ eSIM คืออะไร

ทราบกันไปแล้วว่า eSIM คืออะไร ในหัวข้อนี้เรามาดูกันว่า eSIM มีข้อดีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ไม่ต้องกังวลว่าซิมการ์ดจะเสียหาย

หลายคนที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือที่ใส่ SIM Card อาจพบเคยเจอปัญหาซิมการ์ดเสียหายเนื่องจากการใช้งานเป็นเวลานาน แต่ถ้าเป็น eSIM นั้นก็ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนซิมใหม่ เพียงแค่โอนย้ายข้อมูลใหม่เท่านั้น

รองรับได้สูงสุดถึง 6 เลขหมายในโทรศัพท์เครื่องเดียว

เพราะช่องใส่ซิมการ์ดในโทรศัพท์มือถือนั้นสามารถใส่ได้มากสุดเพียง 2 ซิมการ์ดเท่านั้น แต่บางคนอาจมีความต้องการใช้เบอร์โทรศัพท์มากกว่านั้น ซึ่งการทำ eSIM คือสิ่งที่จะมาตอบโจทย์นี้ เนื่องจากการทำ eSIM นั้นสามารถใส่เบอร์โทรศัพท์ได้สูงสุด 6 หมายเลข

เพิ่มพื้นที่ในการพัฒนาฟังก์ชันอื่น ๆ ของสมาร์ทโฟน

โทรศัพท์มือถือจะต้องใช้พื้นที่เพื่อทำช่องสำหรับใส่ SIM Card ยิ่งถ้าเป็นรุ่นที่ใช้ได้ 2 ซิมก็ยิ่งกินพื้นที่มากขึ้น แต่การเปลี่ยนมาใช้ eSIM ที่มีขนาดเล็กลง และฝังอยู่ในเครื่องแต่แรกแล้วนั้นจะช่วยเพิ่มพื้นที่เพื่อให้เสริมฟังก์ชันอื่น ๆ ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการลดช่องว่าง รอยต่อที่ทำให้เกิดฝุ่นจับ หรือน้ำซึมเข้าเครื่องได้ดีขึ้นด้วย

ข้อควรรู้ก่อนใช้ eSIM คืออะไร

ในปัจจุบันจะเห็นว่า eSIM คือชิปเก็บข้อมูลที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ ก็จะเริ่มมีการนำ eSIM เข้ามาใช้เสริมหรือทดแทน SIM Card แบบเก่า แต่ถึงอย่างนั้นใช่ว่าคุณจะเปลี่ยนมาใช้ eSIM ได้เลยทันที ก่อนจะไปใช้ eSIM มีข้อควรรู้อะไรบ้าง?

ซิมการ์ดที่ใช้อยู่รองรับ eSIM หรือไม่

ในข้อนี้อาจไม่ใช่ปัญหามากนัก เพราะสำหรับในประเทศไทยนั้นมีผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายที่รองรับการทำ eSIM อยู่หลายแบรนด์ คุณสามารถโอนย้ายข้อมูลจาก SIM Card เดิมมายัง eSIM ได้เลยไม่ว่าคุณจะเป็นลูกค้าปัจจุบันที่ใช้งาน SIM Card อยู่แล้ว หรือลูกค้าใหม่ที่ต้องการใช้เบอร์โทรศัพท์ใหม่เป็น eSIM แทน SIM Card ก็ตาม

แต่สำหรับลูกค้าที่ย้ายค่ายเบอร์เดิมนั้นอาจต้องดำเนินการย้ายเครือข่ายมายังเครือข่ายที่ต้องการเปลี่ยนเสียก่อนจึงจะทำ eSIM เป็นขั้นตอนต่อไป

ตรวจสอบว่าโทรศัพท์ Galaxy และอุปกรณ์เสริมของคุณรองรับ eSIM หรือไม่

ไม่ใช่ปัญหาเลยที่คุณจะเปลี่ยน SIM Card เป็น eSIM แต่ปัญหาหลักเลยคือโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ที่คุณใช้อยู่นั้นรองรับ eSIM หรือไม่ โดยเราได้รวบรวมรุ่นที่รองรับการใช้งาน eSIM ในปัจจุบันมาให้คุณแล้วที่นี่

อุปกรณ์

รุ่นที่รองรับ eSIM

Smart Phone

  • Samsung Galaxy S 
    • Samsung Galaxy S23, S23+ และ S23 Ultra 
    • Samsung Galaxy S22, S22+ และ S22 Ultra
    • Samsung Galaxy S21, S21+ และ S21 Ultra
    • Samsung Galaxy S20, S20+ และ S20 Ultra
  • Samsung Galaxy Z
    • Samsung Galaxy Z Flip5 
    • Samsung Galaxy Z Fold5 
    • Samsung Galaxy Z Flip4
    • Samsung Galaxy Z Fold4
    • Samsung Galaxy Z Flip3
    • Samsung Galaxy Z Fold3
    • Samsung Galaxy Z Fold2
    • Samsung Galaxy Z Flip 5G
    • Samsung Galaxy Z Flip
    • Samsung Galaxy Z Fold
  • Samsung Galaxy Note

Samsung Galaxy Note20, Note20 Ultra

Smart Watch

  • Galaxy Watch 4 Classic
  • Galaxy Watch 4
  • Galaxy Watch 3
  • Galaxy Watch Active 2
  • Galaxy Watch 

วิธีเปิดใช้งาน eSIM

หากโทรศัพท์มือถือของคุณรองรับการใช้ eSIM และคุณมีความประสงค์ใช้ eSIM สามารถติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายของคุณเพื่อขอเปิดใช้งาน eSIM ได้เลย

การขอบริการเปิดใช้งาน eSIM คุณสามารถไปยังศูนย์บริการเครือข่ายไร้สายโดยตรง หรือจะทำ eSIM ผ่านช่องทางออนไลน์ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายนั้น ๆ โดยวิธีทำ eSIM ออนไลน์จะต้องระบุหมายเลขที่ต้องการใช้บริการ eSIM, ระบุหมายเลข EID ของโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้น, ระบุ Email สำหรับส่ง QR Code และยืนยันตนผ่าน eKYC ด้วยการถ่ายภาพหน้าตรง และถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชน

วิธีตั้งค่า eSIM บนโทรศัพท์ Galaxy ด้วยตนเอง

ข้อเสียของฟิล์มไฮโดรเจล

คุณสามารถเพิ่ม eSIM บนโทรศัพท์ Galaxy ด้วยตนเองได้โดยผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายจะให้ QR Code มาสำหรับตั้งค่า eSIM โดยมีขั้นตอนดำเนินการดังนี้

1. เปิดสมาร์ทโฟนของคุณและเข้าไปที่เมนู “การตั้งค่า (Setting)” > “การเชื่อมต่อ (Connections)” > “ตัวจัดการ SIM การ์ด (SIM card manager)”
2. จากนั้นเลือกเมนู “เพิ่มแผนมือถือ (Add mobile plan)”
3. เมื่อเลือกการเพิ่มแผนมือถือหน้าจอจะแสดงภาพกล้องหลังเพื่อให้คุณสแกน QR Code ที่ได้มาจากผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายสำหรับการทำ eSIM
4. ระบบจะเริ่มลงทะเบียนเปิดใช้งาน eSIM และดาวน์โหลดข้อมูลมายัง eSIM โดยอัตโนมัติ

เมื่อตั้งค่า eSIM เสร็จเรียบร้อย SIM Card เดิมจะไม่สามารถใช้งานได้อีก คุณสามารถทำลายทิ้งได้เลย

การเปลี่ยนหรือโอนย้าย eSIM ระหว่างโทรศัพท์ Galaxy

หากคุณเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ หรือต้องการโอนย้าย eSIM จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งสามารถทำได้ดังนี้

• สำหรับโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ต้องการย้าย eSIM ให้เลือกเมนู “ย้าย SIM จากอุปกรณ์อื่น”
• สำหรับโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ต้องการโอนข้อมูล eSIM ออกไปให้เลือกเมนู “ย้าย” และหน้าจอจะแสดงกล่องป๊อปอัพแจ้งเตือนว่าคุณจะไม่สามารถใช้ eSIM บนอุปกรณ์เดิมอีกต่อไป หากคุณต้องการย้าย eSIM ไปเครื่องใหม่ ให้กด “ตกลง”
• จากนั้นให้คุณทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ
• ที่โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่จะมีรหัสยืนยัน 6 หลัก ให้นำชุดรหัสนี้ไปกรอกในโทรศัพท์เครื่องเก่า
• เลือก “ถ่ายโอน” ทั้งโทรศัพท์เครื่องเก่าและเครื่องใหม่ ข้อมูล eSIM จากโทรศัพท์เครื่องเก่าก็จะถูกโอนย้ายมาเครื่องใหม่ หลังจากนั้นคุณจะสามารถใช้เบอร์โทรศัพท์ eSIM ที่เครื่องใหม่ได้เลยโดยที่ข้อมูล eSIM จากเครื่องเก่าก็จะถูกลบออกไป

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ eSIM คืออะไร

ความแตกต่างของ Nano SIM กับ eSIM คืออะไร?

Nano SIM กับ eSIM แตกต่างกันที่ขนาดของชิป และความสามารถในการถอดเข้าออกอุปกรณ์ โดย Nano SIM คือชิปเก็บข้อมูลผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายที่สามารถถอดเข้าออกระหว่างอุปกรณ์เพื่อใช้งานได้ มีขนาด 8.8x12.3 มิลลิเมตร

แต่สำหรับ eSIM คือชิปเก็บข้อมูลขาดเล็กเพียง 5x5 มิลลิเมตรที่ถูกฝังอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต ซึ่ง eSIM สามารถถ่ายโอนข้อมูลผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สายได้โดยไม่ต้องอาศัยการใส่ SIM Card จากภายนอก และสามารถเก็บข้อมูลของเบอร์โทรศัพท์ได้มากถึง 6 หมายเลข แต่จะไม่สามารถถอดชิปออกได้

เบอร์ที่จะใช้ eSIM ควรเป็นเบอร์หลักหรือรอง?

ในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานของแต่ละบุคคล

ทำ eSIM เสียเงินไหม?

คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อขอบริการ eSIM

สรุป eSIM คืออะไร ควรใช้บริการ eSIM หรือไม่

eSIM คือนวัตกรรมอีกขั้นของ SIM Card โดยที่ eSIM จะเป็นชิปที่ถูกฝังมาตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต โดยสามารถใช้งานได้เหมือนกับ SIM Card ทั่วไปแต่พิเศษกว่าอีกขั้นคือสามารถรองรับเบอร์โทรศัพท์มือถือได้สูงสุด 6 หมายเลข และยังสามารถสลับโปรไฟล์ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องถอดซิมเข้าออกเหมือน SIM Card ทั่วไป

บทความที่เกี่ยวข้อง