ตอบความต่าง ! จุดเด่นของสมาร์ททีวีและทีวีดิจิทัลคืออะไร ?
ในยุคที่สังคมเต็มไปด้วยความตึงเครียด การมีสื่อบันเทิงอย่างทีวีที่ตอบโจทย์กลายเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในปัจจุบัน
โทรทัศน์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการรับชมรายการทั่วไปเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของความบันเทิงภายในบ้าน โดยสามารถดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวก การเลือกซื้อทีวีสักเครื่องจึงไม่ใช่เรื่องง่าย หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยในการตัดสินใจ คือ “สมาร์ททีวีกับทีวีดิจิทัลต่างกันอย่างไร ?” บทความนี้จะพาไปไขข้อข้องใจ เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อทีวีที่มีการใช้งานตอบโจทย์ตรงกับความต้องการได้มากที่สุด !
เทียบชัด ! สมาร์ททีวีกับทีวีดิจิทัล ต่างกันอย่างไร ?
สมาร์ททีวี คืออะไร ?
สมาร์ททีวี (Smart TV) เป็นโทรทัศน์ที่มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชัน รวมถึงบริการออนไลน์ได้โดยไม่ต้องใช้กล่องรับสัญญาณเพิ่มเติม คุณสมบัติเด่นของสมาร์ททีวีประกอบด้วย
● รองรับการสตรีมวิดีโอผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Netflix, YouTube, Disney+
● สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน
● รองรับการควบคุมด้วยเสียง หรือผ่านสมาร์ทโฟน
● เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์สมาร์ทโฮม
ทีวีดิจิทัล คืออะไร ?
ทีวีดิจิทัล (Digital TV) คือโทรทัศน์ที่รองรับการรับสัญญาณดิจิทัลภาคพื้นดินโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอย่างกล่องรับสัญญาณ ซึ่งช่วยให้ภาพและเสียงคมชัดกว่าทีวีระบบแอนะล็อก โดยคุณสมบัติของทีวีดิจิทัล ได้แก่
● รองรับการรับชมช่องฟรีทีวีในระบบดิจิทัล
● ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในการรับชม
สมาร์ททีวีกับทีวีดิจิทัล ควรเลือกซื้อแบบไหนดี ?
หากต้องการเข้าถึงคอนเทนต์ออนไลน์จากแพลตฟอร์มสตรีมมิง โดยมาพร้อมระบบใช้ฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น ควบคุมด้วยเสียง หรือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น เพื่ออัปเกรดประสบการณ์การรับชมให้มีความหลากหลายมากขึ้น สมาร์ททีวีก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่า แต่หากต้องการทีวีที่ใช้งานง่ายและไม่ซับซ้อน เพื่อรับชมเฉพาะช่องฟรีทีวีที่ไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตในการรับชม ทีวีดิจิทัลก็อาจจะเพียงพอแล้ว
การพิจารณาเลือกซื้อทีวีที่เหมาะสม
นอกจากการเลือกประเภทของทีวีระหว่างสมาร์ททีวีกับทีวีดิจิทัลแล้ว ยังมีองค์ประกอบสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้ทีวีที่เหมาะสมกับความต้องการและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากที่สุด
1. ขนาดและความละเอียด
ขนาดของหน้าจอเป็นปัจจัยแรกที่ควรพิจารณา เนื่องจากมีผลต่อประสบการณ์ในการรับชมโดยตรง จึงควรเลือกขนาดด้วยการพิจารณาจากขนาดห้อง เพื่อให้การรับชมมีความสบายตาและไม่เกิดอาการล้าสายตา โดยสามารถใช้หลักการเลือกขนาดของทีวีตามระยะห่างระหว่างหน้าจอกับตำแหน่งนั่งรับชมได้ ดังนี้
● 32 นิ้ว เหมาะสำหรับระยะรับชมประมาณ 1.2 - 1.5 เมตร
● 40-50 นิ้ว เหมาะสำหรับระยะรับชมประมาณ 1.5 - 2.5 เมตร
● 55-65 นิ้ว เหมาะสำหรับระยะรับชมประมาณ 2.5 - 3.5 เมตร
● 70 นิ้วขึ้นไป เหมาะสำหรับระยะรับชมมากกว่า 3.5 เมตร
นอกจากขนาดแล้ว ความละเอียดของหน้าจอก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของคอนเทนต์ที่รับชม โดยในปัจจุบันมีเทคโนโลยีจอภาพที่ได้รับความนิยม ดังนี้
● Full HD (1080p) เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปและเหมาะกับทีวีขนาดเล็ก
● 4K UHD (Ultra HD, 3840 x 2160 พิกเซล) เป็นมาตรฐานของทีวีรุ่นใหม่ที่ให้ภาพคมชัดยิ่งขึ้นและเหมาะกับหน้าจอขนาดกลางถึงใหญ่
● 8K UHD (7680 x 4320 พิกเซล) เป็นความละเอียดสูงสุดในปัจจุบัน ให้รายละเอียดที่คมชัดและสมจริง แต่ต้องใช้งานร่วมกับคอนเทนต์ที่รองรับเทคโนโลยี 8K โดยเฉพาะ
2. เทคโนโลยีจอภาพ
เทคโนโลยีของจอภาพเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพของสี ความคมชัด ซึ่งทำให้ได้ประสบการณ์การรับชมที่แตกต่างกันไป ดังนี้
● LED TV เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แผงไฟ LED ในการให้แสงสว่างแก่จอภาพ ให้สีสันสดใส สว่าง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน อีกทั้งยังมีราคาที่ย่อมเยาเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น
● QLED TV เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อยอดจาก LED โดยใช้ Quantum Dot เพื่อเพิ่มความแม่นยำของสี ให้สีที่สดใสและความสว่างสูงกว่าทีวี LED ทั่วไป เหมาะสำหรับการรับชมในห้องที่มีแสงสว่างมาก
● OLED TV มาพร้อมเทคโนโลยีที่สามารถเปิดและปิดพิกเซลแยกอิสระ ทำให้ได้สีดำที่ลึกสนิท คอนทราสต์สูง สีสันสดใสโดยไม่มีแสงสะท้อนจากแบ็คไลท์ นอกจากนี้ยังมีมุมมองการรับชมที่กว้างกว่าทีวีทั่วไป
3. ระบบเสียง
ระบบเสียงที่ดีสามารถช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชม ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ทำให้ได้รับประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น โดยควรเลือกรุ่นที่มีระบบเสียงคุณภาพสูง เช่น ทีวีที่รองรับ Dolby Atmos ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางที่ช่วยให้เสียงมีมิติและความลึกมากขึ้น โดยให้เสียงแบบ 3 มิติที่สมจริงยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการชมภาพยนตร์ หรือเล่นเกมที่ต้องการระบบเสียงที่สมจริง
4. บริการหลังการขาย
การเลือกซื้อทีวีไม่ใช่เพียงแค่ดูที่คุณสมบัติของตัวเครื่องเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงบริการหลังการขายด้วย เนื่องจากทีวีเป็นอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน การมีศูนย์บริการที่สามารถให้ความช่วยเหลือและซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา จึงควรตรวจสอบระยะเวลารับประกันและศูนย์บริการก่อนเลือกซื้อทุกครั้ง โดยควรเลือกซื้อทีวีจากแบรนด์ที่มีการรับประกันที่ครอบคลุมและยาวนาน เช่น การรับประกันตัวเครื่อง 1-3 ปี และการรับประกันจอภาพ พร้อมตรวจสอบว่ามีศูนย์บริการอยู่ในพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย หรือมีบริการซ่อมถึงบ้าน เพื่อความสะดวกเมื่อเกิดปัญหา
ยกระดับการรับชมกับทีวีคุณภาพสูง ที่พร้อมมอบประสบการณ์สุดว้าว กับทีวี 4K จาก Samsung สู่ความคมชัดที่เหนือกว่า โดยมีตัวเลือกหลากหลายเพื่อให้ได้ทีวีที่ตรงใจ
สั่งซื้อออนไลน์พร้อมรับโปรโมชันพิเศษได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Samsung เท่านั้น เรามีบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศแบบไม่มีขั้นต่ำ ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน* และสามารถเปลี่ยนคืนสินค้าได้ภายใน 7 วัน
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด