วิธีจัดการปัญหาแอร์เหม็น มีกลิ่นอับ แก้อย่างไรให้หายขาด ?
เคยไหม ? เปิดแอร์ในห้องหวังจะได้รับความเย็นสบาย แต่กลับเจอกลิ่นอับที่ทำลายบรรยากาศและกระทบกับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นชื้น กลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือแม้แต่กลิ่นอับที่ยิ่งเปิดยิ่งแย่ ปัญหานี้มักเกิดกับแอร์ที่ใช้งานมานาน และหากปล่อยแอร์เหม็นทิ้งไว้อาจส่งผลต่อสุขภาพและการใช้งานแอร์ในระยะยาวได้
แอร์เหม็น มีกลิ่นอับเกิดจากอะไร ?
ปัญหากลิ่นแอร์เหม็นอับ หนึ่งในสิ่งไม่พึงประสงค์ที่หลายบ้านต้องพบเจอ โดยส่วนมากมักเกิดจากการสะสมสิ่งสกปรก ความชื้น และเชื้อโรคภายในเครื่องปรับอากาศ โดยมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้
● ฝุ่นและเชื้อราในแผ่นกรองอากาศ : เมื่อฝุ่นละอองสะสมมากขึ้น จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อราที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
● ความชื้นสะสมในถาดน้ำทิ้งและท่อระบายน้ำอุดตัน : น้ำที่ไม่สามารถระบายออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา
● การไม่ได้ทำความสะอาดแอร์อย่างสม่ำเสมอ : เมื่อใช้งานเป็นเวลานานโดยไม่มีการล้างทำความสะอาด จนทำให้แอร์เริ่มมีกลิ่นอับสะสมและยากต่อการกำจัด
● แอร์เก่าที่ประสิทธิภาพลดลง : เครื่องปรับอากาศที่ใช้งานมานานอาจเกิดการเสื่อมสภาพของวัสดุภายใน ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจากการหมักหมมของสิ่งสกปรก
วิธีแก้ปัญหาแอร์มีกลิ่นอับ
หลังจากที่ทราบถึงสาเหตุของแอร์มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ไปแล้ว และพบว่าที่พักอาศัยของคุณเองก็ประสบปัญหาเดียวกันไม่ต่างจากคนอื่น ลองมาดูวิธีแก้ไขเหล่านี้ที่ขึ้นอยู่กับระดับของปัญหาหรือการบำรุงรักษาแอร์ รับรองได้เลยว่าวิธีเหล่านี้ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาแอร์เหม็นได้อย่างอยู่หมัด
1. ล้างทำความสะอาดแอร์
การทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ เป็นวิธีพื้นฐานที่ช่วยลดปัญหากลิ่นอับได้ โดยการถอดแผ่นกรองออกมาล้างทำความสะอาดทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองที่เป็นแหล่งเพาะเชื้อรา นอกจากนี้ยังควรล้างแผงคอยล์เย็นและพัดลมภายในแอร์อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง และตรวจเช็กถาดน้ำทิ้งและท่อระบายน้ำเพื่อป้องกันการอุดตัน
2. ใช้เครื่องฟอกอากาศหรือผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่น
หากกลิ่นแอร์เหม็นอับยังคงอยู่แม้จะทำความสะอาดแอร์แล้ว การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีฟิลเตอร์กรองแบคทีเรียและเชื้อรา หรือการใช้สเปรย์กำจัดกลิ่นเฉพาะสำหรับเครื่องปรับอากาศสามารถช่วยลดปัญหากลิ่นอับได้เช่นกัน
3. เปิดแอร์ในโหมดพัดลมหลังใช้งาน
อีกหนึ่งวิธีช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ คือหลังจากปิดเครื่องปรับอากาศ ให้ลองเปิดโหมดพัดลมต่ออีกประมาณ 10-15 นาที เพื่อช่วยระบายความชื้นออกจากเครื่อง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดการสะสมของความชื้นและเชื้อราในเครื่องได้อย่างชัดเจน
4. เรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ
หากปัญหาแอร์มีกลิ่นอับยังคงอยู่หลังจากการทำความสะอาดเบื้องต้น อาจมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบภายในเครื่องที่ต้องให้ช่างเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขอย่างละเอียด เพื่อทำการซ่อมแซม ล้างแอร์ หรือเปลี่ยนน้ำยา ตามปัญหาที่ช่างแอร์ตรวจพบ
แอร์เก่าเกินแก้ เลือกซื้อใหม่อย่างไรให้ตอบโจทย์เรื่องกลิ่น ?
หากแอร์ของคุณเริ่มเสื่อมสภาพและไม่สามารถแก้ไขกลิ่นอับได้แล้ว การเลือกซื้อแอร์ใหม่ที่มีเทคโนโลยีช่วยแก้ไขปัญหากลิ่นอับได้จะเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับอากาศบริสุทธิ์และสดชื่นภายในบ้านได้ โดยแอร์ที่ดีจะมีคุณสมบัติ ดังนี้
● เลือกแอร์ที่มีระบบกรองอากาศขั้นสูง : เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Tri-Care Filter ของ Samsung ที่ช่วยกรองฝุ่นละออง แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ ทำให้อากาศภายในห้องสะอาดและสดชื่นขึ้น ลดโอกาสการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ
● มองหาแอร์ที่ลดความชื้นในตัว : แอร์ที่มีเทคโนโลยี Wind-Free™ Cooling จะช่วยกระจายลมเย็นอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำให้เกิดความชื้นสะสม ซึ่งเป็นการลดการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับในเครื่อง
● ฟังก์ชัน Auto-Clean ป้องกันการสะสมของเชื้อรา : ฟังก์ชันนี้จะช่วยเป่าลมแห้งภายในตัวเครื่องหลังจากปิดแอร์ ซึ่งช่วยลดการสะสมของความชื้นและป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย
● ดีไซน์ที่ง่ายต่อการทำความสะอาด : แอร์ติดผนังรุ่นใหม่ ๆ มักมีดีไซน์ที่ช่วยให้การทำความสะอาดสะดวกขึ้น เช่น การออกแบบให้สามารถถอดแผ่นกรองออกมาทำความสะอาดได้ง่าย ทำให้การดูแลรักษาแอร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัญหาแอร์มีกลิ่นอับสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกบ้าน แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลทำความสะอาดเป็นประจำ หากปัญหาหนักจนไม่สามารถแก้ไขได้ การเลือกซื้อแอร์ติดผนังที่มีเทคโนโลยีช่วยลดกลิ่นอับก็เป็นทางออกที่ดี โดยเฉพาะแอร์จาก Samsung ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาดและสดชื่นขึ้น
สั่งซื้อออนไลน์พร้อมรับโปรโมชันพิเศษได้ที่เว็บไซต์ทางการของ Samsung เท่านั้น เรามีบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศแบบไม่มีขั้นต่ำ ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน* และสามารถเปลี่ยนคืนสินค้าได้ภายใน 7 วัน
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด